‘วรงค์’ ชี้โหวตนายกฯ วันแรกไม่จบ ถือว่าตกรอบ ต้องเปิดโอกาสให้พรรคอื่น ย้ำคนที่เลือกก้าวไกล ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ แนะมวลชนกดดัน สว.

วันที่ 11 ก.ค.2566 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันประชุมรัฐสภา 13 ก.ค. ว่า ตามหลักการคิดว่าคนที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ควรมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล แต่ทั้งนี้บังเอิญว่าคนที่รวมเสียงข้างมากได้ครั้งนี้ มีความผิดปกติคือเสี่ยงต่อการล้มล้างการปกครอง การแบ่งแยกแผ่นดิน ตนเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ต้องพิจารณา ให้ละเอียดถี่ถ้วนว่าผู้ที่เลือกมามีเหตุที่จะสร้างปัญหาให้ประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะ มาตรา112 การล้มล้างสถาบันฯ การปกครองแบ่งแยกแผ่นดิน

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวสนับสนุนพรรคก้าวไกลที่ได้เสียงข้างมาก แต่บังเอิญว่ามี 2 ประเด็นใหญ่ที่ทำให้คาใจ อีกทั้งช่วงหลังมีการกดดันสว.มากขึ้นเอามวลชนมากดดันซึ่งถือว่าจะทำให้เสียคะแนน ความจริงอยากให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ จะได้ดูว่า ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลที่ได้เสียงจากประชาชนมา นั่นไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เอาเสียงอื่นมาผสม ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ผูกมัดกับมาตรา 112 ดังนั้นการที่เอามาตรา 112 มาผูกมัดกับ 14 ล้านเสียงที่เลือกถือเป็นการมโน

เมื่อถามว่าส่วนตัวคิดว่าการโหวตนายกฯจะจบตั้งแต่วันแรกเลยหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ด้วยมารยาทควรจบตั้งแต่วันแรกแต่ถ้าไม่จบถือว่าตกรอบแล้ว ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่น นั่นคือสปิริตไม่ใช่ว่าจะถูไถไปเรื่อยๆด้วยหลักของประชาธิปไตยถ้าญัตติไหนตกไปแล้วก็ต้องตกไป เปิดโอกาสให้พรรคอื่นได้รวบรวมเสียงข้างมากต่อไป

ทั้งนี้มวลชนที่จะมาชุมนุม มองว่ายิ่งถ้ามีการแสดงออกก็อาจทำให้สว.แต่ละคนมีสติในการเลือก การกดดันอาจจะทำให้ยิ่งเกิดผลเสีย คนจะยิ่งเป็นห่วงชาติบ้านเมือง ถ้าคุณไม่กดดันคุณอาจจะได้ ถ้ากดดันก็อาจจะไม่ได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน