ปิยบุตร แจงทำไมประธานสภาถึงสำคัญ ชี้มติที่ประชุมวันนี้ เพิ่มอำนาจต่อรองของ สว.-3พรรค กระทบถึงแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย ไม่กล้าเสี่ยงแบกก้าวไกลไว้อีกต่อไป

วันที่ 19 ก.ค.2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุถึงที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติ 395 เสียงต่อ 317 เสียง ไม่ให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ที่ประชุมรัฐสภา โหวตเป็นนายกฯ อีกรอบในสมัยประชุมนี้ว่า ผลการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภา

ผลจากการประชุมรัฐสภาวันนี้ คงได้เห็นความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภาในช่วงเวลาที่มาตรา 272 ยังคงอยู่กันแล้ว
ผลการลงมติวันนี้ ไม่เพียงกระทบต่อการเลือกนายพิธาในรอบที่ 2 แต่ยังกระทบไปถึงการลงมติครั้งหน้าในการเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ด้วย

ต่อไปนี้ สว.และ พันธมิตรสามพรรค “ภูมิใจไทย/พลังประชารัฐ/รวมไทยสร้างชาติ” มีอำนาจต่อรองกับพรรคเพื่อไทย ว่า หากครั้งหน้า เสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยมาโดยที่ยังยึด “8 พรรค” และมีพรรคก้าวไกลอยู่ พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยและพันธมิตร “8 พรรค” อาจไม่กล้าเสี่ยงในการแบกพรรคก้าวไกล ไว้อีกต่อไป เพราะหากเสนอคนของพรรคเพื่อไทย แล้วไม่ผ่าน ก็อาจเป็นญัตติซ้ำ หรือจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นจากพรรคเพื่อไทยอีก หากพวกเขารวมหัวกันคว่ำอีก จะกลายเป็นญัตติซ้ำไปเรื่อยๆ จนแคนดิเดตหมดสต็อก

หากเป็นเช่นนั้น “ประตู” ของ “ภูมิใจไทย/พลังประชารัฐ/รวมไทยสร้างชาติ” ก็เปิดกว้างขึ้น
หากนายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานรัฐสภา วันนี้ ผมมั่นใจว่า เขาจะกล้าใช้อำนาจประธานยืนยันว่า การเสนอชื่อนายกฯ ไม่ใช่ ญัตติ หรือต่อให้ลากไปเป็นญัตติซ้ำ แต่ก็มีข้อยกเว้นในข้อ 41 ตอนท้ายว่า “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป” ทำให้เสนอซ้ำได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน