ธรรมนัส ลั่น บิ๊กป้อม ห่วงการเมืองสะดุด แนะรีบตั้งรัฐบาล ชี้ให้คำนึงประโยชน์ประเทศ และประชาชน ย้ำชัดไม่ร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายขัดกับ พปชร.
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานผู้ประสานงาน สส.พรรค กล่าวกรณีที่มีผู้เสนอให้ชะลอการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ออกไป 10 เดือน เพื่อรอให้สว.ชุดนี้หมดวาระในเดือนพ.ค.2567 ว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งหลังการเลือกตั้ง ประเทศไทยต้องมีรัฐบาล จะให้รอไปอีก 10 เดือนไม่ใช่สาระสำคัญ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องรีบจัดตั้งรัฐบาล หากวันที่ 27 ก.ค.นี้ มีการโหวตนายกฯ ตามกำหนดเดิม พรรคยังมีจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่า ในการจะโหวตหรือไม่โหวต ต้องดูว่าพรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วยพรรคใดบ้าง และมีอุดมการณ์นโยบาย หรือแนวทางอย่างไรบ้าง ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทย จับมือกับพรรคที่มีนโยบายไม่ตรงหรือขัดกับแนวทางกับพรรคเราก็ไม่โหวตให้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคใดก็ตาม
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กรณี 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังจับมือกันและเสนอแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย พรรคจะโหวตให้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูก่อน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่จับมือกับพรรคใดก็ตามที่มีแนวทางหรือนโยบายที่ขัดกับพรรคไม่ใช่เฉพาะเรื่อง มาตรา 112 แต่เราพยายามจะชี้ให้สังคมเห็นว่า พรรคมีอุดมการณ์ มีนโยบายชัดเจนว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น พรรคใดที่เห็นเป็นประจักษ์ว่า เมื่อร่วมงานกันแล้วจะเกิดความขัดแย้ง จะทำให้สังคมแตกแยกอย่างรุนแรง เราจะไม่ร่วมงานอย่างเด็ดขาด
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนที่มองว่าหากมีการจับมือกันของพรรคเพื่อไทย และพลังประชารัฐอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง มีการชุมนุมเช่นกัน เชื่อว่าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย สอนให้คนไทยได้เรียนรู้ การที่ไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงในสังคม เดินแบบสุดโต่ง จะเกิดความแตกแยก เกิดความเสียหายกับบ้านเมืองรวมถึงประชาชน
ส่วนที่สังคมออนไลน์ เผยแพร่คลิปพรรคเพื่อไทย ในช่วงหาเสียงว่าจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องบอกว่าอย่าไปมองที่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียว แต่ละพรรคก็พยายามสาดโคลนเข้าหากันเพื่อให้ตัวเองได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นสาระสำคัญสำหรับการเมือง ที่เราเล็งเห็นคือ ประชาชนได้ประโยชน์อะไร
“ต้องถามว่า คำว่า มีลุงไม่มีเรา ประชาชนได้ประโยชน์อะไร การที่พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นหัวหน้าพรรค อยากให้ดูผลงานที่ท่านสร้างไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง การแก้ไขปัญหาที่ดิน เรื่องน้ำ ล้วนคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมือง และประชาชน ขณะเดียวกัน เป็นรองนายกฯที่ดูแลเรื่องความมั่นคง เป็นห่วงบ้านเมือง ว่าจะเกิดความแตกแยก และอาจมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยก็จะสะดุด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
