นายกสมาคมทนายความ ชี้ก้าวไกลต้องชัดเจนสละประเด็นเเก้ 112 เพื่อประโยชน์ชาติ เเล้วประชาชนจะอยู่ข้างกดดัน สว. จนได้ร่วมรัฐบาล

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2566 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความฯ ความว่า ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายทางการเมืองจนเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนรอบใหม่ เกิดจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ฝ่ายเผด็จการใช้เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ ผู้ที่สมควรถูกประณามคือ หัวหน้าคสช. กับพวก และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ยอมรับใช้เผด็จการจนปฏิเสธความถูกต้อง ทำให้คนในชาติเกิดความขัดแย้ง

สาเหตุสำคัญที่สมาชิกรัฐสภาใช้เป็นข้ออ้าง ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายพิธาและพรรคก้าวไกล มีนโยบายที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งตามร่างที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอต่อสภามีลักษณะไม่เป็นการปกป้อง หรือพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันอาจนำมาซึ่งความไม่มั่นคงของรัฐและกระทบถึงความสงบเรียบร้อยของประชาชน

แม้พรรคก้าวไกลและฝ่ายสนับสนุนจะเห็นว่าประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 เป็นเพียงข้ออ้าง แท้จริงแล้วฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล แต่หากพิจารณาจากจำนวน ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง จะเห็นว่ามีเพียงพรรคก้าวไกลที่มีสส. 151 คน หรือประมาณร้อยละ 30 ที่ต้องการแก้ไข ขณะที่ สส. ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 70 ไม่ต้องการแก้ไขมาตรา 112

สมาคมทนายความฯ เห็นว่า การแก้ไขประเด็นดังกล่าวจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมไทย พรรคก้าวไกล จึงควรเคารพเจตจำนงของประชาชนที่แสดงผ่าน สส. ส่วนใหญ่ด้วยการเสียสละประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

หากพรรคก้าวไกล แถลงถึงความชัดเจนในการสละประเด็นการแก้ไขกฎหมายที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติแล้ว สว.ย่อมไม่มีเหตุอันชอบธรรมที่จะปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบกับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่รวบรวมเสียงข้างมากเป็นนายกฯ

หาก สว. ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบอันเป็นการฝืนมติของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งแล้ว ประชาชนจะอยู่ข้างพรรคก้าวไกลกับพวก และจะกดดัน สว. ให้ลงมติให้กับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ แม้จะมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลก็ตาม แต่พรรคก้าวไกลจะต้องเสียสละประโยชน์ของพรรคเพื่อรักษาประโยชน์ที่เหนือกว่าคือ ประโยชน์ของประเทศชาติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน