ภูมิธรรม เผยเลือกครม.ยึดวาระประชาชน เปิดสูตรโควตารมต. 9 ต่อ 1 ยอมรับเพื่อไทยอาจไม่ได้คุมกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด อยู่ที่การพูดคุยต่อรอง ชี้คนเก่าอาจไม่ให้นั่งซ้ำกระทรวงเดิม

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 ส.ค.2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในรายการ “อยากมีเรื่องคุย” ทางข่าวสดออนไลน์ ถึงการแบ่งโควตารัฐมนตรีว่า การเลือกคณะรัฐมนตรี(ครม.) 1.เราควรพยายามคิดใหม่ เอาวาระประชาชน วาระประเทศเป็นตัวตั้ง 2.ต้องยอมรับความจริงของกำลังทางการเมืองที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล เราอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ต้องมาดูว่าเราทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าคิดแบบอุดมคติล้วนก็ตั้งไม่ได้

ถ้าเราเป็นเหมือนปี 2548 ได้ 377 เสียง เราตั้งได้หมด เราคัดเลือกคนของเราได้หมด แต่วันนี้เมื่อเป็นมีรัฐบาลร่วม มีข้อจำกัดของแต่ละพรรค แต่เราก็ไม่ได้ยอมจำนนแบบนั้น เราอยากให้การรวมตัวของเราเป็นวาระแห่งชาติ เป็นรัฐบาลพิเศษ ในสถานการณ์พิเศษ เราไม่อยากให้โควตาเป็นเรื่องหลัก แต่เรื่องโควตาก็ปฏิเสธไม่ได้

“สมมติวันนี้เราตั้งรัฐบาลให้มีเสถียรภาพ 300 หรือ 310 เสียง มีกี่พรรค แต่ละพรรคมีคนเท่าไหร่ ก็เอามาหาร 310 เฉลี่ย 9 คนมีรัฐมนตรี 1 คน พรรคอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้ เป็นวิธีที่ทำมาตลอด แต่มีเงื่อนไขว่า เราขอได้หรือไม่ ต้องต่อรองกันและเคารพพรรคที่มาร่วม ต่อรองได้มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่การพูดคุยกัน”นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่าสังคมกลัวครม.ยี้ กลัวคนหน้าเดิม ที่เป็นรัฐมนตรีจากรัฐบาลที่แล้วมาเป็นรัฐมนตรีต่อ เรามีแนวทางอะไรหรือไม่ จะควบคุมดูแลอย่างไร หรือสุดท้ายก็เป็นเรื่องของโควตา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใครเคยอยู่กระทรวงไหนมา เราอาจบอกว่าไม่ต้องอยู่กระทรวงเดิม เพื่อแสดงความโปร่งใส ดังนั้น ต้องคุยกันหลังจากนี้ แต่อย่างที่บอก ถ้าคุณไม่เลือกก็อยู่นอกสมการ ถ้าอยู่ในสมการก็จะคุย โควตาพรรคคุณจะเลือกก็ได้แต่ขอดูตัวคน ถ้าเขายอมก็ได้

เมื่อถามว่าคนที่ถูกกล่าวหาทุจริตหรือมีข้อครหาก็ยังมีโอกาสเป็นรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องว่ากันตามกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ เราต้องยอมรับปัจจัยนี้

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยคุมกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดหรือไม่ ถ้าไม่ได้จะมีปัญหาในการสั่งการระหว่างพรรคหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเราได้ 377 ถึงจะกำหนดอย่างนั้นได้ ถ้าไม่ได้ ก็ต้องดูว่าได้โควตากี่คน พรรคเพื่อไทยมี 141 เสียง ก็จะได้รัฐมนตรี 10 คน เราก็มาเลือกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องไปต่อรองกันอีก พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีหน้าที่ประสานงานให้เกิดการต่อรองนี้ขึ้น จึงต้องคิดใหม่








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน