“โรม” โวยถูกถอนญัตติทบทวนมติเสนอชื่อนายกฯซ้ำ “วันนอร์” เดือด ปะทะอารมณ์สส.ก้าวไกล ลั่น ขอให้นั่งลง สุดท้ายใช้อำนาจประธาน สั่งไม่สมควรให้ทบทวน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ส.ค.66 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรับของรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

โดยก่อนเข้าสู่วาระ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นทักท้วงกรณีที่ประธานรัฐสภา ไม่มีการบรรจุญัตติของตนเองที่ค้างอยู่ในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 กรณีการขอให้ที่ประชุมรัฐสภาทบทวนมติวันที่ 19ก.ค.2566 ที่ไม่ให้เสนอชื่อบุคคลซ้ำในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เหตุใดไม่บรรจุญัตติ การตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ41 เพื่อให้ตีความให้เกิดความชัดเจน การอ้างข้อบังคับการประชุม ข้อ151 ว่า มติใดที่ประชุมมีความเห็นเป็นเด็ดขาดแล้ว ไม่สามารถทบทวนไม่ได้นั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องถือตามคำวินิจฉัยตลอดไป โดยไม่สามารถทบทวนได้

แต่หากรัฐสภาจะทบทวนสิ่งที่เคยวินิจฉัยไป ย่อมทำได้ เช่นเดียวกับที่ศาลฎีกาเคยมีคำวินิจฉัยทบทวนคำพิพากษาตัวเอง รัฐธรรมนูญระบุชัดว่า การเลือกนายกฯให้เลือกจากแคนดิเดตนายกฯที่พรรคการเมืองเสนอมา แม้จะเสนอชื่อใครไปแล้ว ถ้าลงมติไม่ผ่าน ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญระบุว่า บุคคลนั้นไม่นับเป็นแคนดิเดตอีกต่อไป ความเป็นแคนดิเดตยังมีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ขอให้กลับมาสร้างบรรทัดฐานที่ถูก

“พวกท่านอาจไม่อยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ แต่อย่าถึงขั้นเผาบ้าน เพื่อไล่หนูตัวเดียว เราจะวางบรรทัดฐานกันถึงขนาดนั้นเลยใช่ไหม”นายรังสิมนต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ตัดบทขอให้นายรังสิมันต์หยุดอภิปราย เพราะพูดมานานแล้ว ไม่ได้ขัดขวางการอภิปราย แต่นายรังสิมันต์พูดครบประเด็น จนสมาชิกเข้าใจแล้ว ควรพอเท่านี้ อีกทั้งในการประชุมวิป 3 ฝ่าย ก็รับรองความเห็นฝ่ายกฎหมายรัฐสภา บอกว่ามติที่ประชุมรัฐสภาไม่สามารถทบทวนได้ เพราะเป็นความเห็นเด็ดขาดไปแล้ว ถ้าไปทบทวนอาจเกิดความลังเลได้

ดังนั้นในฐานะประธานรัฐสภาขอใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 ใช้อำนาจวินิจฉัย ไม่รับญัตติด่วนของนายรังสิมันต์ที่เสนอด้วยวาจา รวมถึงญัตตินายสมชาย แสวงการ สว. ที่เสนอญัตติคัดค้านญัตตินายรังสิมัตน์ เมื่อวันที่ 4ส.ค.

ปรากฏว่า สส.ก้าวไกล หลายคน ทั้งนายณัฐวุฒิ บัวปทุม สส.บัญชีรายชื่อ และนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พยายามโต้แย้งคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา ทำให้เสียเวลาไปร่วม 30 นาที โดยเฉพาะ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ประธานรัฐสภาวางตัวไม่เป็นกลาง รู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ไม่พอใจ กล่าวตอบโต้ด้วยสีหน้าน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ทันที ว่า ขอให้นายธีรัจชัยถอนคำพูดว่า ตนรู้เห็นเป็นใจ ถ้าไม่ถอนคำพูดจะไม่อนุญาตให้พูดต่อ เพราะเป็นการกล่าวหาตนอย่างรุนแรง ว่าตนรู้เห็นเป็นใจ จะมากล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมากได้อย่างไร

เพราะเสียงข้างมากลงมตินั้น ไม่รู้ว่าเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร ด้วยความสัจจริงตนไม่รู้เลยว่าเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร ตนยังนึกด้วยว่าเสียงข้างมากจะไม่เห็นด้วยด้วยซ้ำไป เมื่อมีคนเสนอเข้ามาก็ต้องพิจารณาตามนั้น นายธีรัจชัยต้องเข้าใจเราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และซึ่งกันและกัน ตนซื่อสัตย์ต่อตนเอง ถ้าไม่ถอน ตนไม่ให้พูด ขอให้นั่งลง

แต่นายธีรัจชัยพยายามจะพูดต่อ ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “ขอให้นั่งลง จะนั่งลงไหม จะนั่งลงไหม จะนั่งลงหรือเปล่า คุณกล่าวหาคุณไม่ถอนไม่ได้ คำสั่งของประธานถือว่าเด็ดขาด” ทำให้นายธีรัจชัยมีท่าทีอ่อนลง จากนั้นนายวันนอร์ ใช้อำนาจประธานสั่งว่า ไม่สมควรให้ทบทวน และให้ดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน