บัญญัติ ร่ายละเอียดยิบ 21 ส.ค. ปชป.มีมติงดออกเสียงโหวต ‘เศรษฐา’ แฉ ‘เดชอิศม์’ พูดเองอยากให้งดออกเสียง เผย จุรินทร์ เล็งหาหัวโต๊ะสอบ 16 สส.งูเห่า ฝืนมติพรรค ชี้ไปลงคะแนนให้เขาเป็นเรื่องอันตราย ถูกมองอยากร่วมรัฐบาลตัวสั่น จนตกเป็นเหยื่อพท.
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ พาดพิงเป็นสาเหตุทำให้ต้องย้ายไปอยู่พรรคไทยรักไทย ว่า จำได้ว่าสมัยนั้นตนเป็นหัวหน้าพรรค หลักใหญ่ที่ใช้ตัดสินใจสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใครลงสมัครรับเลือกตั้ง มี 2 หลักการ คือหลักแรก มักให้สส.ที่มีอยู่ในจังหวัดพูดจาและลงความเห็นกันเอง
หลักที่สองใช้หลักคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรค โดยเฉพาะให้รองหัวหน้าพรรคเป็นหลัก ยืนยันตนตัดสินใจไม่ผิด เพราะการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคได้สส.สงขลายกจังหวัดเช่นกัน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมนายเดชอิศม์ จึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในเวลานี้
นายบัญญัติ กล่าวยืนยันว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคมีมติให้งดออกเสียงในการโหวต นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แน่นอน ในวันดังกล่าวตนเป็นคนสรุปด้วยตัวเอง พูดกัน 2 แนวทาง คือ จะงดออกเสียง หรือ ไม่เห็นชอบ คนเริ่มเรื่องนี้คือ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา โดยบอกว่าเมื่อเที่ยวนี้พรรคไม่ได้เป็นรัฐบาล แนวทางมติมีเพียงงดออกเสียงกับไม่เห็นชอบเท่านั้น ซึ่งถูกต้อง เพราะในทางปฏิบัติ ไม่มีพรรคใดที่เขาไม่เชิญเข้าร่วมรัฐบาล แล้วไปยกมือสนับสนุนนายกฯของเขา ตนยังแปลกใจว่าเที่ยวนี้ไปไกลแบบนั้นได้อย่างไร
พรรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลมีอยู่ 2 อย่างคือ งดออกเสียง กับ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียงคือปฏิเสธแบบสุภาพ แม้กระทั่งนายเดชอิศม์ ก็ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมวันที่ 21 ส.ค.ว่า อยากให้งดออกเสียง หลังพูดกันแล้ว พอดูออกว่า อยากให้งดออกเสียงจำนวนมาก นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ ก็ลุกขึ้นบอกว่าขอลงมติไม่เห็นชอบ เพราะสู้กับระบอบทักษิณมายาวนานเป็นพิเศษ และวันนี้ก็ไม่ทราบว่าระบอบทักษิณเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ อยากให้คนใต้สบายใจว่าจุดยืนยังมั่นคงแข็งแรง
จากนั้นตนลุกขึ้นอภิปรายต่อ สุดท้ายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ลุกขึ้นพูดว่าคงไม่ต้องลงมติมั้ง หมายความว่าคงไม่ต้องนับคะแนนกัน เพราะฟังแล้วพอรู้ว่าจะมีผลอย่างไร ซึ่งไม่ใช่แปลว่าจะไม่มีมติ และจำได้ว่านายเดชอิศม์ ยังลุกขึ้นทักท้วงว่าไม่ต้องมีมติหรือ
“ผมก็ได้บอกว่าสิ่งที่นายจุรินทร์พูด หมายความว่าไม่ต้องลงคะแนน เพราะฟังดูแล้วเสียงส่วนใหญ่ให้งดออกเสียง ถ้าเช่นกันก็มีมติให้งดออกเสียง จึงถือว่าวันนั้นมีมติพรรคแน่นอน และที่กล่าวหาว่าผมและท่านชวน ฝืนมติพรรค ก็ไม่ใช่” นายบัญญัติ กล่าว
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า ส่วนกระแสที่ว่านายชวน จะขับสส.ออกจากพรรคนั้น คิดว่าไม่ใช่วิสัยของนายชวน เพียงแต่อะไรที่ไม่ถูกต้อง นายชวนก็ทักท้วง เรื่องจะให้ขับกัน เป็นเรื่องที่สมาชิกส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวกันเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งเป็นปกติของพรรค และเมื่อมีเสียงเรียกร้อง พรรคจะไม่พิจารณาคงไม่ได้ และทราบว่านายจุรินทร์ กำลังเล็งหาคนมาเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น
คณะกรรมการชุดนี้จะทำความชัดเจนได้มากขึ้น ทั้งเรื่องพรรคมีมติหรือไม่มีมติ และใครกันแน่ที่กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะได้จบ ไม่คาราคาซังกันอีก
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า หลังลงมติโหวตนายกฯ มีสส.ใหม่มาปรับทุกข์ว่าไม่สบายใจที่ลงมติเห็นชอบ ตนได้ให้สติไปว่าอาจมีอีกหลายคนที่คิดแบบเดียวกัน จึงให้คำแนะนำว่าการทำการเมืองมีเพื่อนเป็นเรื่องดี แต่อย่าตามใจเพื่อนจนเสียหลัก นักการเมืองมีศิลปะที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ ขัดใจเพื่อนโดยเพื่อนไม่โกรธ เช่น การตัดสินใจทางการเมืองต้องคิดหลายปัจจัย นอกเหนือจากพรรคแล้วต้องมองว่าประชาชนคิดอย่างไร
“กรณีไปลงคะแนนแบบนั้น ผมคิดว่าอันตราย เพราะชาวบ้านอาจมองว่า เราอยากเป็นรัฐบาลมากเหลือเกินหรือไม่ และอาจถูกมองว่าเราตกเป็นเหยื่อของเขาแล้ว เพราะผมได้ยินนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ายังเปิดกว้างสำหรับทุกพรรค พรรคใดอยากเข้าเป็นสมการก็ดูวันโหวตนายกฯ ซึ่งตรงนี้ผิดธรรมเนียม ไม่มีใครลงคะแนนให้นายกฯง่ายๆ เว้นแต่จะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและตกลงกันแล้วถึงตำแหน่งรัฐมนตรี” นายบัญญัติ กล่าว