เศรษฐา ควง ธรรมนัส-ไผ่ ลุยแม่กลอง แก้ปัญหาประมง รับพยายามขึ้นค่าแรงให้ทันปีใหม่ เร่งเพิ่มรายได้เอสเอ็มอี ย้ำอะไรทำได้ต้องรีบทำก่อน

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 1 ก.ย.2566 ที่ท่าเทียบเรือ โรงน้ำแข็งศิริไพโรจน์ จ.สมุทรสงคราม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี ว่าที่รมช.คมนาคม และรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายไผ่ ลิกค์ ว่าที่รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากตัวแทนชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา IUU และแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง

พร้อมกันนี้ยังมีคณะทำงานด้านการประมงของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมคณะ โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าฯสมุทรสงคราม รอต้อนรับ

ทันทีที่มาถึง นายกฯ และคณะเดินไปยังบริเวณท่าเรือ เพื่อดูเรือประมงที่จอดทิ้งไว้เพราะไม่สามารถออกไปทำการประมงได้ รวมถึงดูการขึ้นปลา และการตรวจนับลูกเรือที่ออกไปทำประมงที่มีความสำคัญ หากไม่เป็นไปตามมาตรการ IUU จะถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก

นายเศรษฐา กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ตนมาในอีกสถานะหนึ่ง ตอนมาหาเสียงเลือกตั้ง ได้มาพูดคุยเรื่องการประมงที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ก่อนมี IUU ไทยส่งออกสินค้าด้านการประมง 3.5 แสนล้าน แต่ตอนนี้เรานำเข้า 1.5 แสนล้าน ทำให้เราเสียหายจำนวนมาก วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรามั่นใจว่าที่รัฐมนตรีที่มาด้วยกันวันนี้มีความสามารถ มีความรู้ ทำงานเรื่องประมงมานาน เราต้องการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ทั้งกฎหมายภายในและการเจรจาระหว่างประเทศควบคู่กันไป

จากนั้นตัวแทนกลุ่มประมงได้สะท้อนปัญหาแก่นายกฯ และคณะ เช่น ขอให้แก้กฎหมายต่างๆ ที่เป็นปัญหาต่อการทำประมง จำนวน 13 ฉบับ ที่จะทำให้การประมงขับเคลื่อนได้ และขอให้การบังคับใช้แรงงานต่างด้าวในภาคประมงเหมือนกับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนฝั่ง เนื่องจากภาคประมงจะใช้เวลานาน รวมถึงเสนอว่าการขึ้นค่าแรงที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขอให้ทำทีละขั้นไม่ให้ภาคธุรกิจสะดุด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้เห็นถึงความลำบากและปัญหา ตั้งแต่ตนรับสนองพระบรมราชโองการมาไปดูเรื่องการท่องเที่ยว การแก้ปัญหาหนี้สิน และเรื่องที่สามคือเรื่องประมง เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญสูงสุด เรื่องปัญหาแรงงานเราจะแก้ปัญหา ให้เอกสารอยู่ในวันสต็อปช็อปได้ อะไรอยู่ในอำนาจคณะรัฐมนตรี จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาให้ ร.อ.ธรรมนัสเป็นหัวหน้า และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน หลายอย่างอาจทำไม่ได้ในคราวเดียวขอให้อดทน

ขอให้มั่นใจรัฐบาลเพื่อไทยอะไรทำได้เราจะทยอยทำไปก่อน เพื่อให้ท่านลืมตาอ้าปากได้ เรื่องใหญ่ๆ อย่างเช่น เรื่องน่านน้ำที่ประเทศอินโดนีเซีย มีทรัพยากรเยอะมาก แต่ไม่มีความสามารถในการจับสัตว์น้ำ ดังนั้น ขอให้ความมั่นใจเราจะเดินหน้าเต็มที่ในการเปิดประตูการค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญ








Advertisement

จากนั้นนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีการจัดการวันสต็อปช็อป รูปแบบจะเป็นอย่างไรว่า ต้องให้คณะทำงานดูก่อน วันนี้มาดูแล้วเห็นปัญหาว่าแรงงานที่จะทำงานต้องมีเอกสารจำนวนมาก มีหลายกระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเอกสารขาดก็เห็นใจ อีกทั้งเอกสารต่างๆก็ยังเป็นกระดาษก็อยากให้เข้าระบบออนไลน์ทั้งหมดเพื่อความสะดวก และในแง่การตรวจก็จะดีขึ้น

เมื่อถามว่าที่ระบุให้ ร.อ.ธรรมนัส ดูแลเรื่องประมง จะดูแลเฉพาะเรื่องประมง หรือหมายรวมไปถึงเรื่องเกษตรทั้งหมด นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อเป็นว่าที่รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต้องดูทั้งหมดด้วย และที่ตนเรียนไป สัปดาห์ก่อนไปดูเรื่องท่องเที่ยว ตามด้วยเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สิน เรื่องประมงเป็นเรื่องที่สามที่ตนมาดูเอง เรื่องนี้เราพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ เข้ามาทำงานร่วมกับผู้ประกอบการและจัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว ยอมรับว่าปัญหาใหญ่ปัญหาเยอะ อะไรทำได้เราจะทำก่อน

เมื่อถามว่าเท่าที่รับฟังปัญหาอะไรทำได้ทันที นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอพิจารณา อะไรที่เกี่ยวกับกฎกระทรวงทบวงกรม หรือเข้าครม. และต้องเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็อาจจะนานหน่อย เช่น เรื่องวิทยุมดขาวมดดำ ที่เพิ่งมีการบังคับใช้ในระยะหลังทั้งที่เรามีการสื่อสารทางวิทยุกันอยู่แล้ว

เมื่อถามถึง พ.ร.บ.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว มาตรา 14 ที่เป็นปัญหาสำหรับแรงงานต่างด้าว จะแก้ได้ทันทีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องศึกษาร่วมกับกระทรวงแรงงานด้วย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมาพูดคุยกันทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าเรื่องน่านน้ำอินโดนิเซียจะเข้าไปเจรจาได้เลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอดูก่อน แต่ถือเป็นประเทศอาเซียนเหมือนกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา และไม่ถือว่าแย่งกันทำงานเพราะเขามีทรัพยากร เรามีความรู้ทางการทำประมง ถ้ามาร่วมกันได้ แบ่งปันผลประโยชน์ก็น่าจะลงตัวและเดินหน้าด้วยกันได้

เมื่อถามว่าที่มุ่งปัญหาประมงเพราะปัญหา 8-9 ปีทำให้ประเทศติดหล่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศเสียรายได้จำนวนปีละ 5 แสนล้าน ผ่านมากี่ปีเป็นเงินเท่าไหร่ เราก็ต้องมาแก้ไขเดินหน้าดีกว่า อย่ามองเรื่องปัญหาเก่า อย่าไปว่าใครเลยดีกว่า และมั่นใจว่ากฎหมายต่างๆ ที่ผู้ประกอบการประมงเสนอมา มั่นใจสามารถแก้ไขได้ ต้องฝาก ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้รับผิดชอบ

สำหรับเรื่องค่าแรงที่ทางผู้ประกอบการบอกว่าจะหมุนเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องค่าแรงเป็นนโยบายหลักของทุกพรรค การขึ้นค่าแรงก็ต้องระมัดระวังในการขึ้น เพราะเป็นการขึ้นภาระค่าใช้จ่ายของทุกภาคส่วน แต่มีความจำเป็นเพราะค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการเน้นเพิ่มรายได้ ถ้าเราเพิ่มรายได้ให้เอสเอ็มอีได้เขาก็จะเพิ่มค่าแรงได้ ซึ่งจะเร่งทำทันที อาจจะช่วงปีใหม่ แต่ต้องคุยกับพรรคร่วมอีกครั้งเพราะเราทำงานเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วม

เมื่อถามว่าการทำงานของนายกฯ หลังจากนี้จะไปควบคู่กับรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ต้องร่วมกับรัฐมนตรี อยากให้มองเป็นองค์รวมว่าไม่ใช่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นรัฐบาลของประชาชน ประกอบกับหลายพรรค เชื่อว่าทุกรัฐมนตรีที่ได้รับการพูดถึงทุกท่านมีความเป็นห่วงปัญหาปากท้องของประชาชนและมีความปรารถนาดีของประเทศ ขอแค่โอกาส

จากนั้นนายกฯและคณะ ได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน เมนูประกอบด้วย แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ผัดกะเพราทะเล และปลาทูทอดหวาน โดยนายกฯ ได้ลงมือตักอาหารรับประทานด้วยตัวเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน