‘วราวุธ’ ไร้กังวล หลังถูกอภิปรายเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ ขอโทษปชช.เงินสนับสนุนเด็กแรกเกิดล่าช้า เร่งดำเนินการภายใน 18 ก.ย.นี้ กรณี ‘หยก’ เน้นดูแลทั้งระบบ

เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 12 ก.ย.66 ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงข้อกังวลในการแถลงนโยบายว่า วานนี้ (11 ก.ย.) มีเพียงสมาชิกท่านเดียวที่พูดเกี่ยวกับประเด็นผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าวันนี้น่าจะมีประเด็นเพิ่มเติม เพื่อนข้าราชการกระทรวงพม. รอและจะประเมินข้อสังเกตสมาชิกแต่ละท่าน แต่ก็ขอบคุณหลายฝ่ายที่ติดต่อเข้ามา

“การทำงานของพม.จากนี้ไปก็คงจะเป็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น และสร้างความตระหนักรับรู้ให้กับอีกหลายฝ่ายในสังคม ดังนั้นไม่กังวลเกี่ยวกับการแถลงนโยบาย” นายวราวุธ กล่าว

ส่วนที่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเบี้ยเด็กแรกเกิดนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ตนขอกราบขออภัยประชาชน โดยเฉพาะประมาณ 2,250,000 กว่าราย เป็นเด็กแรกเกิดที่รอรับเบี้ยเงินสนับสนุน 600 บาทต่อเดือน ที่ควรจะออกตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่ขออนุมัติในช่วงรอยต่อของคณะรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรีชุดเก่านั้นไม่สามารถอนุมัติได้ และชุดใหม่ก็ยังไม่สามารถมีอำนาจในการเห็นชอบอนุมัติใช้งบประมาณ

ซึ่งในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ตนจะชงของบประมาณอุดหนุนเด็กแรกเกิดเข้าครม.เพื่อพิจารณาจำนวน 990 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่พอ เพราะจะต้องมีเงินจากกรมบัญชีกลางอีกประมาณ 200 กว่าล้านบาท รวมเงินที่จะต้องใช้สำหรับอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ขวบ ประมาณ 1,200 ล้านบาท

สำหรับเด็กจำนวน 2,254,000 คน ครอบคลุมการจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับเดือนก.ย.66 เท่านั้น เพราะตามรูปแบบการจ่ายเงินอุดหนุนจะต้องของบประมาณ เดือนต่อเดือน ซึ่งเป็นรูปแบบที่จ่ายกันมานาน อย่าว่าแต่ของบมาเป็นก้อนใหญ่เพื่อให้ครอบคลุมการจ่ายไปหลายเดือนเลย เพราะบางครั้งขอเดือนต่อเดือนยังต้องแบ่งจ่ายเป็นควอเตอร์

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนเข้ามาดูแลกระทรวงพม. แล้วเห็นได้ว่าเงินที่ต้องใช้นั้นมหาศาลมาก อย่างเช่น เงินผู้สูงอายุใช้ปี 1 ประมาณ 110,000 ล้านต่อปี ซึ่งในการแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา มีคนพูดบอกว่าอยากให้ผู้สูงอายุได้เดือนละ 1,000 บาทนั้น งบที่ใช้จาก 110,000 ล้านบาท จะใช้เพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 2 แสนล้านบาท








Advertisement

ซึ่งการจ่ายเงินไม่มีปัญหาแต่เงินขาเข้านั้นจะทำอย่างไร เราไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นเหมือนเมือง burningham ที่เพิ่งประกาศล้มละลายไปเมื่อเร็วๆ นี้ จากการเป็นรัฐสวัสดิการ จนขาเข้ารับไม่ทัน มีแต่จ่ายออก ดังนั้นในส่วนของประเทศไทยเรื่องของการสนับสนุนนั้นเราไม่เห็นด้วยกับรัฐสวัสดิการที่ให้ทุกคนเท่ากันหมดไม่ได้ บางคนต้องการมากกว่า เราต้องให้โอกาสคนได้มีโอกาสยืนดูวิวเท่าๆ กันแปลว่าการทำงานจะต้องดูแลตามกลุ่มไม่ใช่ เหวี่ยงแหไปเลย

“ดังนั้นวันพรุ่งนี้ผมจะเร่งเอาเรื่องนี้เข้าครม.จะเร่งส่งเรื่องไปยังสำนักงบประมาณ ภายในวันเดียวแล้วส่งไปกรมบัญชีกลาง เพื่อจะใช้เงิน 990 ล้านบาทนี้ กับเงินของกรมบัญชีกลาง 200 กว่าล้านบาท โอนเข้ามาอยู่ในฐานของพม. และเข้าสู่กระเป๋าของพี่น้องประชาชนในวันจันทร์ที่ 18 ก.ย นี้” รมว.พม. กล่าว

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนการมอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงพม. ในวันที่ 18 ก.ย. ตนคิดว่ากระทรวงพม.ที่ผ่านมานั้น เป็นกระทรวงที่มีภารกิจเยอะมาก ซึ่งครอบคลุมทุกเพศทุกวัยทุกสถานะ รวมไปถึงการเคหะ ดังนั้นงานที่ผ่านมาเป็นงานที่เข้าถึงประชาชนทุกระดับ แต่บางครั้งการตระหนักถึงหน้าที่ภารกิจของข้าราชการอาจจะยังไม่รับรู้เท่าที่ควร สุดท้ายแล้วการทำงานของกระทรวงพม.นั้น เราจะเป็นกำแพงให้ประชาชนไว้พิงยามเจอปัญหา เราจะเป็นเกราะป้องกันให้กับประชาชนยามเจอภัยอันตราย

เมื่อถามจะดำเนินการอย่างไรในกรณีของ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก ที่เรียกร้องให้กระทรวงพม.เข้าไปดำเนินการ นายวราวุธ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา และส่วนที่เกิดขึ้นในครอบครัว บริบทการทำงานของกระทรวงพม.เราคงไม่เข้าไปก้าวล่วง บริบทของการศึกษา

แต่ส่วนที่เป็นเรื่องครอบครัวนั้นเราคงใช้สหวิชาชีพในทุกๆ แขนงในการสนับสนุน แต่เราไม่ได้เน้นการแก้ไขที่ปัจเจกบุคคล การทำงานที่จะป้องกันทั้งระบบไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้เพราะตนเชื่อว่า คงมีอีกหลายกรณีที่คล้ายกัน ดังนั้นเราจะแก้ไขปัญหาทั้งระบบ

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน