“ภูมิธรรม” ลั่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายต้องยอมรับได้ เตรียมหารือฝ่ายการเมืองแต่ละพรรค ชี้ เวทีรัฐสภา เป็นจุดเริ่มต้นพูดคุย

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง มอบหมายให้ดูแลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตลอด 4 ปีของรัฐบาลที่ผ่านมา มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายร่าง แต่ที่สุดไปไม่ได้ หลายฉบับตกไป หลายฉบับค้างที่วาระ 2 วาระ 3 ในที่สุดไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และตัดสินว่าอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้อำนาจประชาชน ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องไปถามประชาชนก่อนถึงจะแก้ได้

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ทางปฏิบัติจึงต้องถามประชาชนก่อนว่าจะแก้หรือไม่แก้ และถ้าแก้จะแก้ด้วยกระบวนการแบบไหน อย่างไร ดังนั้นถ้าไม่เคลียร์ให้จบก่อน แต่ละกระบวนการจะค้างไม่คืบหน้า ส่วนประเด็นหมวดหนึ่งหมวดสองนั้น รัฐบาลยืนยันว่าหากมีการแก้ไขจะไม่แก้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์

“แต่ปัญหาที่มีอยู่ คือ เรื่องเกี่ยวกับการได้มาซึ่งอำนาจในระบบประชาธิปไตย ได้มาอย่างไร และทำให้กระบวนการเอื้ออำนวยต่อการบริหารประเทศ ต่อการรักษาสิทธิเสรีภาพประชาชน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือให้มีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อให้มีความคิดเห็นที่หลากหลายในการช่วยกันคิดให้กระบวนการเดินหน้าไปได้

หาจุดที่พอดีให้เดินหน้า หากเราสามารถพูดคุยส่วนต่างๆ ได้ จะค่อยๆ แกะไปทีละเปลาะแล้วนำไปสู่การแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และจะเป็นการเปิดประตูบานแรกจนได้รัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องเริ่มจากความเป็นจริง เพราะถ้าจะแก้อะไรที่หักหาญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เปิดอำนาจให้ ถ้าจะทำโดยไม่คำนึงถึงคนที่เห็นต่างทุกฝ่ายจะไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นการได้พูดคุยกันหาความพอดีกัน ซึ่งทุกฝ่ายยอมรับว่าการแก้รัฐธรรมนูญควรทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนจะทำวิธีการไหน จะเป็นการประนีประนอมของทุกฝ่ายเพื่อแกะที่ละปม โดยหลังจากนี้ตนจะเร่งตั้งคณะกรรมการที่มาจากทุกฝ่ายตามที่นายกฯ ได้สั่งการให้ดึงการมีส่วนร่วมของทุกคนเข้ามา และให้รายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถามว่าการได้มาซึ่งคำถามที่จะให้ทำประชามติจะใช้เวทีรัฐสภาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวทีรัฐสภาจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะคุย ถ้าเห็นพ้องกันทุกฝ่ายก็เป็นจุดเริ่มต้นว่าคนที่เป็นตัวแทนคนในสังคมพอใจกับสิ่งนี้ แล้วนำไปสู่การตัดสินของประชาชน ถ้าเห็นด้วยก็จะเป็นไปด้วยดี ถ้ามีความเห็นต่างก็นำความเห็นต่างมาปรับปรุงเพื่อลดช่องว่างความเห็นต่าง

เมื่อถามว่ามีกรอบหรือไม่ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเริ่มทำประชามติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯ กำชับอยากให้ตนที่คลุกคลีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมา ไปดึงความคิดเห็นเข้ามา ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากการนำทีมที่ปรึกษาของแต่ละพรรคการเมืองมาพูดคุยกัน แล้วขยายตัวไปสู่กลุ่มวิชาชีพ ถ้าเห็นพ้องกันทั้งกลุ่มธุรกิจ ประชาชน ข้าราชการ ก็จะทำให้การขยับไปสู่การลงประชามติไม่ยากลำบาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน