เลขาฯกฤษฎีกา โพสต์ไล่ ‘น้า’ อ่านรธน. หลังนายกฯ ให้ทบทวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคกับประชาชน ด้านโฆษกรัฐบาล แจงวุ่นข้อสั่งการนายกฯ แค่แก้ปัญหาการทำงานขรก. ติดกรอบกฎหมาย

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงผลประชุม ครม. เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ยุคก่อนเราตีความกฎหมายว่าเวลาประชาชน หรือผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ มีความคิดสร้างสรรค์ หรืออยากริเริ่มอะไรใหม่ กลับเจออุปสรรค ต้องรอให้มีกฎหมายอนุญาต แต่ยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน เปลี่ยนใหม่แล้ว ประชาชนริเริ่มทำได้ทุกอย่างตราบใดที่ไม่มีกฎหมายห้าม

ต่อมา นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อ “Alex Pakorn” ว่า “น้าคนนึงออกมาบอกว่าตอนนี้ต้องตีความกฎหมายใหม่ว่าอะไรที่ไม่มีกฎหมายห้าม ต้องถือว่าประชาชนทำได้ ฟังดูดีจัง แค่แวะมาบอกว่าให้น้าไปดูมาตรา 25 วรรคหนึ่งของรธน.นะ เขาใช้หลักการนี้มาตั้งแต่ปี 60 แล้วนะน้า รธน.60 สงสัยไม่เคยอ่านเลย”

นายปกรณ์ ระบุว่า ลอกมาให้ดูก็ได้ มาตรา 25 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย นอกจากที่บัญญัติคุ้มครองไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญแล้ว การใดที่มิได้ห้ามหรือจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะทำการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้น ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น คิดแต่จะแก้จะเลิกกันท่าเดียว

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวในรายการ“อินไซด์ไทยแลนด์” ว่า น้อมรับฟัง โดยเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ทั้งนี้ การที่ตนระบุว่าอะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้าม ประชาชนริเริ่มทำได้ทุกอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ในแง่ของกฎหมาย แต่ในแง่การปฏิบัติและการบังคับใช้นั้น ถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะเราได้ตรวจสอบแล้วว่าแม้เรื่องนั้นๆ มีอยู่ในกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาในภาคปฏิบัติไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น

เมื่อถามว่าแสดงว่าการทำงานของข้าราชการในอดีตทำในสิ่งที่กฎหมายบอกเท่านั้นใช่หรือไม่ จึงทำให้นายกฯ สั่งการให้ข้าราชการทำในสิ่งที่เป็นการเชื่อมโยงภาครัฐและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ แม้กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ ใช่หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ถูกต้อง และนายกฯ แสดงท่าทีชัดเจนว่าต่อไปนี้ประเทศกำลังต้องการการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสังคม จึงต้องเน้นเรื่องประสิทธิภาพ

ดังนั้น ต้องขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เรื่องกฎระเบียบต่างๆของภาครัฐ มีการออกประกาศหรือระเบียบของกระทรวงต่างๆ จำนวนมากและซ้ำซ้อนกันจนเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน ดังนั้น ถ้ายกสิ่งเหล่านี้ออกไปได้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำมาหากินของประชาชน

ต่อข้อถามว่าจะทำอย่างไรถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิม และข้าราชการยังไม่ปฏิบัติตามข้อสั่งการดังกล่าวของนายกฯ นายชัย กล่าวว่า นายกฯ บอกว่าถ้าข้าราชการไม่ปฏิบัติตามนโยบาย และกลายเป็นอุปสรรคเสียเอง ก็ต้องมีมาตรการ ซึ่งตรงนี้มีกลไกในการบังคับบัญชาและการบริหารจัดการอยู่แล้ว แต่ตนเชื่อว่าข้อสั่งการนี้จะทำให้ข้าราชการที่ดีและข้าราชการที่มีประสิทธิภาพได้มีเวทีแสดงบทบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน