อมรัตน์ โอดเป็นเหยื่อ ไม่เคยคุกคาม เผยจุดสุดทนจนเหลืออด ตัดต่อภาพกำนันนก ลั่นถึงเวลาปกป้องตัวเอง โยน หมออ๋อง พิจารณาให้ออก-ไม่ออก ตำแหน่งที่ปรึกษาฯ

เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 20 ก.ย.2566 ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แถลงกรณีสืบเนื่องจากการโพสต์ ข้อความเดินทางไปที่บ้านของผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ปีใหม่ ปีใหม่” ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่สถานที่ทำงาน และบ้านพัก

จนทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการคุกคาม ว่า ต้องขออภัยที่อาจทำให้สังคมโซเชียลมีเดียเกิดความรู้สึกในทางลบ สิ่งที่เกิดขึ้นในทางสังคม และกฎหมาย ตนยินดีน้อมรับถ้าจะมีเรื่องทางกฎหมายต่อไป และส่วนตัวจะดำเนินทางกฎหมายด้วยเช่นกัน

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอาการเหลือทนที่ถูกกระทำมายาวนาน คนที่ไม่ได้ใช้ชื่อจริงเปิดบัญชีใช้พื้นที่ทางสังคมปั่นกระแสข่าวเท็จ ด่าทอ โจมตี ใส่ร้ายคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล ตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากจากเพจที่เป็นปัญหาซึ่งเป็นเพจอินฟูเอนเซอร์ มีหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่กดติดตาม กดไลก์ กดเลิฟ เป็นเพจที่ไม่ทราบตัวตน

แตกต่างจากบางเฟซบุ๊กที่มีนายแบก นางแบก ซึ่งแบบนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เช่น คำผกา หมออั้ม เป็นต้น เพราะเป็นชื่อจริงมีตัวตนจริง แต่กรณีที่เกิดขึ้นไม่มีตัวตน เป็นบุคคลปริศนา ไม่มีใครทราบความจริง และมีการพยายามแสดงตัวตนให้เป็นคนใกล้ชิดคนใหญ่คนโต นายตำรวจใหญ่ ทำให้คนเกรงใจ จนใส่ร้ายป้ายสีใครก็ทำโดยสะดวก








Advertisement

สุดทนตัดต่อภาพ ‘กำนันนก’

นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า จนล่าสุดถึงจุดที่ทนไม่ไหวคือเอาภาพตนไปตัดต่อกับกำนันนก ถือว่าเป็นความผิดฐานนำข้อทูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากทำให้เข้าใจผิดว่าตนเกี่ยวพันกับมาเฟีย ตนทนไม่ไหว พอได้รับเบาะแสว่าเพจดังกล่าวมีตัวตนแต่ไม่แสดงออก

ในฐานะผู้ถูกกระทำเป็นเหยื่อต่อเนื่องยาวนาน ก็มีความรู้สึก จึงเช็กสถานที่ทำงานว่าเป็นพนักงานบริษัทจริงหรือไม่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจึงตรวจสอบหลักฐาน ว่าพนักงานใช้เวลาทำงานโพสต์หรือไม่ และได้มีการแอดไลน์กัน เพื่อส่งหลักฐานไป

“ช่วงบ่ายวันนั้น ตนกลับบ้านที่นครปฐม และเห็นว่าโรงงานดังกล่าวเป็นทางผ่าน จึงแวะเพื่อต้องการสอบถาม โดยตนเข้าไปคนเดียว มีการแลกบัตรเข้าโรงงานอย่างถูกต้อง มีผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้บริหาร ให้การต้อนรับเชิญพูดคุย ไม่มีการพูดจาคุกคาม ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตนสอบถามว่าได้เช็กให้แล้วใช่หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าเช็กแล้วและเจ้าตัวยอมรับ

อมรัตน์ เผยจุดสุดทน ถูกตัดต่อภาพกำนันนก

ทางบริษัทจึงตักเตือนไปว่าหากสร้างประเด็นทางสังคมก็ไม่สมควร บริษัทจึงลงความเห็นว่าทำหนังสือตักเตือนตามระเบียบบริษัท และให้ภาคทัณฑ์ 1 ปี ซึ่งเจ้าตัวยินยอมลงชื่อในหนังสือตักเตือน สิ่งที่ตนทำเป็นมาตรการทางสังคม ไม่ใช่การคุกคาม ข่มขู่ เข้าไปอย่างถูกต้องติดต่อกันก่อน พูดคุยกันสุภาพ” นางอมรัตน์ กล่าว

นางอมรัตน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเหตุที่ตนโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพราะคิดว่าต้องใช้มาตรการทางสังคมกับบุคคลที่ไม่มีตัวตนด้วย และไม่ว่าส่วนไหนจะผิดกฎหมาย ก็ยินดีต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ส่วนตัวมองว่า การเปิดเผยข้อมูลอยู่ในกรอบที่ไม่เข้าข่ายตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ กฎหมาย pdpa เพราะตนไม่ได้บอกชื่อจริง เลขบัตรประชาชน ทะเบียนรถ บ้านเลขที่ และพิกัดหมู่บ้านที่ชัดเจน

ฉะนั้น เรื่องนี้ก็ไปว่ากันในชั้นศาล แต่ทางสังคมคือตนถูกกระทำจนทนไม่ได้จนต้องปกป้องตัวเอง และมองว่าตนเป็นเหยื่อ ที่ถือว่าปกป้องตัวเอง และคนอื่นๆ แต่หากมองว่าผิดพลาดก็ยอมรับได้ หากสังคมจะตัดสินอย่างไรก็น้อมรับ

อยู่ที่ ‘หมออ๋อง’ ปรับพ้นตำแหน่งที่ปรึกษา

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบตำแหน่งของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 1 ด้วย นางอมรัตน์ กล่าวว่า ถ้ากระทบยินดีน้อมรับ แล้วแต่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 จะพิจารณา ยืนยันว่า ตนทำอย่างมีสติ หากการตอบโต้เกินเลยพร้อมรับผิดชอบ ส่วนตนจะออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารองประธานสภาฯ คนที่ 1 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนแต่งตั้งรับได้ทั้งนั้น อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้

อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้คุยกับพรรค ยังไม่เจอใคร แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะทำด้วยสติ และคิดว่าคุ้มค่า เหมือนเป็นไฟฉายส่องแสงให้เห็นว่าใครเป็นใคร เพื่อป้องปรามไม่ให้คนคนนี้ทำร้ายใครด้วยการโพสต์ เพราะถ้าปล่อยให้อยู่ในมุมมืดก็จะทำไปอีกเรื่อยๆ

รับตอนนี้หายโกรธแล้ว

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าเป็นมาตรการทางสังคม คือการล่าแม่มดหรือไม่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า แล้วแต่จะมอง ต้องมองว่าทำกับใคร การล่าแม่มดต้องดูดีกรี ดูเลเวลด้วยว่าระดับไหนที่จะเรียกว่าล่าแม่มด ยกตัวอย่างว่าเราบริสุทธิ์ แล้วคสช.มาตามล่า แบบนี้เราคือเหยื่อ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก้ำกึ่งว่าใครตกเป็นเหยื่อกันแน่ ซึ่งเกมพลิกทั้งที่ส่วนหนึ่งเราเป็นเหยื่อ อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าไม่กังวล รู้สึกคิดถูกที่ส่องแสงไปให้ผู้คนที่ไม่รู้ตัวตนได้แสดงตัว ซึ่งทราบว่าแกนนำบางพรรคกดอันฟอลโล่แล้ว

อมรัตน์ เผยภาพที่ทำให้โกรธ

เมื่อถามว่า ถ้าเจ้าตัวมาขอโทษจะให้อภัยจบจริงๆได้หรือไม่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้หายโกรธแล้ว เราได้เปิดโปงตัวตนให้สังคมแล้ว วันหลังไปทำร้ายใครอีกก็จะรู้ว่าเป็นใคร หากขอโทษก็รับ ไม่โกรธแล้ว แต่ต้องแยกว่าเราคุกคามจริงหรือไม่

เมื่อถามว่า นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุย ยื่นประธานสภาฯ ให้สอบจริยธรรมด้วย นางอมรัตน์ กล่าวว่า ก็ทำไป ตนไม่ได้เป็นสส.แล้ว แต่เป็นที่ปรึกษารองประธานสภาฯ ก็ว่าไปตามกระบวนการ

เสื้อแดง จี้สอบ อมรัตน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน