นายกรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา พบปะครั้งแรกหลังรับตำแหน่งใหม่ พร้อมยืนยันความใกล้ชิด หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ตั้งเป้าการค้าทะลุ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2568

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 ก.ย.2566 (เวลาที่กรุงพนมเปญเท่ากับเวลาที่กรุงเทพฯ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ก่อนเดินทางไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ

จากนั้นเวลา 11.00 น. ที่ชั้น 2 ห้องรุมเจก (Rumchek Room) นายกฯ หารือทวิภาคีกับ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต (H.E. Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกฯกัมพูชา

ก่อนการหารือ นายกฯ ทั้งสอง ต่างแสดงความยินดีต่อกันในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในช่วงเดียวกัน และมีเป้าหมายขับเคลื่อนพัฒนาประเทศในทิศทางเดียวกัน โดยต่างย้ำมิตรภาพอันใกล้ชิดระหว่าง 2 ประเทศ และเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ ซึ่งนายกฯทั้งสอง ประกาศยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และนายกฯไทย ขอเชิญนายกฯกัมพูชา เยือนไทยด้วย

จากนั้น ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้หารือถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ร่วมกัน โดยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกฯ ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องตรงกันที่จะส่งเสริมความร่วมมือมากยิ่งขึ้น ทั้งการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน การพัฒนาพื้นที่ชายแดน และภาคเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมกันอำนวยความสะดวกและเพิ่มปริมาณการค้า ให้บรรลุเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568

รวมถึงผลักดันการขนส่งข้ามแดนโดยเร่งรัดเปิดใช้สะพานมิตรภาพที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การยกระดับจุดผ่านแดน และร่วมกันในเศรษฐกิจดิจิทัลและสีเขียว

ในด้านการท่องเที่ยว นายกฯไทย เสนอให้ไทยและกัมพูชาส่งเสริมการท่องเที่ยว และเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ พร้อมทั้งขอให้กัมพูชาอนุญาตให้ใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวชายแดน ส่วนการลงทุน ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น รวมถึงเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจับคู่ธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะ SMEs และผู้ประกอบการรุ่นใหม่

ด้านความมั่นคง นายกฯ เสนอให้กัมพูชาจัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee: JBC) ครั้งต่อไป เพื่อเดินหน้ายกระดับจุดผ่านแดน เพิ่มปริมาณการค้าชายแดน และยังได้เสนอให้ทั้งสองประเทศเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามพื้นที่ชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และปูทางการพัฒนาเศรษฐกิจบริเวณชายแดน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันติดตามผล และนำการหารือของผู้นำทั้งสองในวันนี้ไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำกลับมารายงานให้ทราบ

ทั้งนี้ นายกฯ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณชายแดน พร้อมย้ำถึงการทำงานและความร่วมมือที่ใกล้ชิดเพื่อร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า ทั้งสองประเทศมีความเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาที่แข็งแกร่งระหว่างกัน รวมถึงด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยพร้อมทำงานและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกัมพูชา เพื่อช่วยกันติดตามข่าวปลอม (fake news) ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน เพื่อดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงทีเมื่อจำเป็น

จากนั้น นายกฯไทยและนายกฯกัมพูชา ร่วมทำพิธีส่งมอบเชิงสัญลักษณ์ศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงในปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่บริเวณห้องมะลิ ชั้น 2 ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่นายกฯกัมพูชา จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯ ที่ห้องลำดวล (Romdoul Hall) สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน