วันชัย จี้ถามปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทำได้จริงหรือไม่ เหตุประชาชนรู้สึกเอาเจ้าพ่อมาปราบเจ้าพ่อ ‘ชาดา’ ยันไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง ยึดแผนปราบแอล คาโปน สอบเส้นทางการเงินทั้งอาณาจักร

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ต.ค.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามด้วยวาจา ของนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ซึ่งได้มอบหมายให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย มาตอบกระทู้แทน เรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล

นายวันชัย กล่าวว่า ประชาชนรู้สึกว่าเอานักเลงมาปราบนักเลง เอาเจ้าพ่อมาปราบเจ้าพ่อ เอาผู้มีอิทธิพลแห่ง จ.อุทัยธานี มาปราบผู้มีอิทธิพลทั้งประเทศ เป็นความรู้สึกของชาวบ้านว่าจะทำได้จริงหรือไม่ จะทำได้นานแค่ไหน หรือแค่สร้างภาพ เพราะขนาดรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเบ็ดเสร็จ พอเข้ามาก็จัดการตั้งแต่วินมอเตอร์ไซด์ รถตู้ หวยใต้ดิน บ่อน ซ่อง แต่จากนั้นก็เหมือนเดิม

“ผมไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีจะมีอำนาจเต็มเบ็ดเสร็จ และมีกองกำลังในการจัดการแบบนั้นหรือไม่ เพราะผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่มาจากบ้านใหญ่ ซึ่งครอบคลุมหรือเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรีเอง เป็นนายก อบต. อบจ.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พวกนี้ก็เป็นลูกน้องของบ้านใหญ่ ชาวบ้านจึงไม่มั่นใจว่านโยบายนี้จะทำแบบลูบหน้าปะจมูก ไฟไหม้ฟาง ไม่มีอะไรเหมือนที่เราอยากเห็นเกิดขึ้น”นายวันชัย กล่าว

อยากถามรัฐมนตรีจะปราบปรามผู้มีอิทธิพลแค่ไหน ทั่วประเทศหรือไม่ และใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะเห็นผล และจะจัดการให้ผู้มีอิทธิพลหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีที่ยืนในสังคมอย่างไร

ด้านนายชาดา ชี้แจงว่า เรียกนักเลงตนไม่โกรธ เพราะนักเลงกับอันธพาลไม่เหมือนกัน ยืนยันว่าตนไม่ทำงานแบบไฟไหม้ฟาง หรือแบบหวือหวา เช่น การไปค้นบ้านแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพราะก่อนไปค้นเขาก็รู้หมดแล้ว ดังนั้น รูปแบบการทำงานของตนขั้นแรกให้จังหวัดโดยกรมการปกครองทำบัญชี และบอกพฤติกรรม อาณาจักรเขาเป็นอย่างไร

การปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ถูกต้อง ถ้าเอาผู้มีอิทธิพลไปติดคุกแล้วไม่ใช่อาณาจักรยังอยู่ เราต้องทำให้อาณาจักรล่มสลายไปเลย ส่วนกรณีบ้านใหญ่ ขอให้สบายใจได้ เพราะบ้านใหญ่ล่มสลายไปเยอะแล้ว และเชื่อว่าบ้านใหญ่รุ่นใหม่คงไม่มาอาศัยผู้มีอิทธิพลแล้ว เพราะประชาชนเขาไม่เลือก หากไปข่มขู่แบบในอดีต ไปแจกเงินแล้วเอาปืนไปข่มขู่ ยุคนี้ไม่มีแล้วในสังคมปัจจุบัน ดังนั้น ขอให้สบายใจได้

นายชาดา กล่าวต่อว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลจะใช้มาตรการทางภาษี ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เหมือนกรณีที่ประเทศอเมริกา ปราบปรามกลุ่มของแอล คาโปน และทำให้กลุ่มอิทธิพลในส่วนแอล คาโปน หายไปจากอเมริกา

อย่างไรก็ตามมาตรการที่จะดำเนินการคือ บูรณาการทุกหน่วยงาน ตรวจสอบภาษีผู้มีอิทธิพล และคนข้างเคียง โดยนำกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสรรพากรไปตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งอาณาจักร

ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้งานปราบผู้มีอิทธิพลเป็นงานหวือหวา หรือไฟไหม้ฟาง แต่ต้องการวางระบบให้ดีเพื่อบีบให้คนไม่ดีออกไป และป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเกิดขึ้น เป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพลรูปแบบใหม่ ที่ตรวจสอบทั้งกระบวนการ รวมถึงมือไม้ที่ทำงานให้

นายชาดา กล่าวต่อด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพลตามที่ประชาชนร้องเรียน มีส่วนที่ดำเนินการไปแล้วคือในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และกทม. ซึ่งเป็นความผิดปกติ เช่น กรณีลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย

“ผมไม่มีกองกำลัง ผมใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปดำเนินการ ผมไม่มีหน้าที่ไปตรวจค้นจับกุมใคร แต่มีหน้าที่ส่งข้อมูลเข้าระบบจัดการที่มีอยู่ และผมจะเอาความรู้ ทักษะของผมเข้ามาดำเนินการ ผมตั้งใจทำงานเพื่อให้เป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นเวลาที่ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ถือว่าการมอบหมายงานนั้นถูกที่ถูกทาง ดังนั้น งานของผมถือเป็นความหวังของคนไทยจำนวนมาก แม้จะเป็นไปแบบนิ่มๆ แต่จะไม่ทำเพื่อตัวเอง อยากทำให้เห็นว่าทำแล้ว หลังจากนี้ไม่มีผู้อิทธิพลเกิดขึ้นง่ายๆ เหมือนในอดีต” รมช.มหาดไทย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน