ศาลปกครองสูงสุด ยกอุทธรณ์ป.ป.ช. ต้องเปิดความเห็นเจ้าหน้าที่ คดีนาฬิกาหรู ‘บิ๊กป้อม’ เนื่องจากคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรับไว้พิจารณาได้

เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2566 ศาลปกครองกลาง อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ พม.47/2566 คดีหมายเลขแดง พม.63/2566 และคดีหมายเลขดำที่ พม.48/2566 คดีหมายเลขแดงที่ พม.62/2566 ระหว่าง นายวีระ สมความคิด (ผู้ฟ้องคดี) กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ 1 กับพวก รวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่)

โดยศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของสำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. คดีที่มีผู้อื่นขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องจากคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรับไว้พิจารณาได้

คดีนี้ ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ที่ 1 กับพวก รวม 2 คน ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย มีคำวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กรณีการกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จำนวน 3 รายการ ได้แก่

1.รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด 2.ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคน ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว และ 3.รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพิกเฉย จึงนำคดีมาฟ้อง

โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง 3 รายการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 333/2562 ลงวันที่ 22 ส.ค.2562 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา

ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ อ้างว่า คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ มีสาระสำคัญไม่ครบถ้วนตามมาตรา 69 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เหตุที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 กล่าวอ้างเพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ มิใช่เหตุประการใดประการหนึ่งตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ศาลจึงไม่อาจรับคำขอพิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณาได้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครอง








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน