“ภูมิธรรม” เผย อนุกก.ศึกษาฯ คุย “เสรี-พริษฐ์” ฟังแนวทางสว.-สส. ชงคำถามประชามติ คาดสิ้น ธ.ค. เสนอกก.ชุดใหญ่ แนะ ทุกฝ่ายจับมือทำรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่าง ในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงาน ว่า คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 2 ชุดได้เริ่มทำงานไปแล้ว โดยอนุกรรมการศึกษาฯ ได้พูดคุยกับนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย นักการเมือง

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า โดยคุยกับนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ในเรื่องของการตั้งคำถาม ที่จะให้สว.ได้แสดงความเห็น ว่าอยากเห็นรัฐธรรมนูญแบบใด อย่างไร นอกจากนั้นยังได้คุยกับนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ถึงแนวทางคำถามที่จะถาม สส.

เนื่องจากพรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในการที่จะยกร่าง สส. ทั้ง 500 คน เป็นตัวแทนประชาชนจากกลุ่มต่างๆ ขณะที่ สว. ก็เป็นตัวแทนวิชาชีพต่างๆ การพูดคุยจะได้รู้ว่า สว. และสส. มีความปรารถนาอย่างไร เพราะทั้ง สส. และส.ว. มีอำนาจที่จะตัดสินใจผ่านหรือไม่ผ่านรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การได้รับรู้ความเข้าใจและความคิดของทั้ง 700 คน จะทำให้เราได้เห็นว่าแนวทางที่รัฐธรรมนูญจะผ่านได้จะเป็นอย่างไร

นายภูมิธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีวิชาชีพต่างๆ ที่จะไปรับฟังแนวทาง ทั้งจากกลุ่มนักศึกษาที่จะหารือประมาณต้นเดือนพ.ย.นี้ กลุ่มทหาร ตำรวจ ภาคประชาชนเช่น สมัชชาคนจน กลุ่มพีมูฟ และไอลอว์ โดยการพูดคุยจะทำให้ได้รับฟังความเห็นจากกลุ่มต่างๆ ชัดเจนขึ้น และทำให้ประชาธิปไตยเป็นหลักการตามที่เราต้องการมากที่สุด

รวมถึงพิจารณาว่าข้อจำกัดของฝ่ายต่างๆ มีอย่างไรเพื่อจะได้นำไปแก้ไข ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นเดือนธ.ค.นี้ คณะอนุกรรมการศึกษาฯ จะได้ข้อสรุป และต้นเดือนม.ค.หรือต้นไตรมาสแรกของปี 67 จะเสนอเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะสรุปการทำประชามติ โดยมีหัวข้อและคำถาม ตามที่คณะอนุกรรมการศึกษาฯ ได้รวบรวม

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีข้อเสนอเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ดูจากที่เขาเสนอญัตติเรื่องรัฐธรรมนูญ ยังยืนยันให้ยกร่างทั้งฉบับ โดยไม่ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งหลักการของรัฐบาลเห็นแตกต่างอยู่แล้ว และเสียงส่วนใหญ่ในสภาเป็นของฝ่ายรัฐบาล ยืนยันจุดยืนไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปทำให้เกิดความเข้าใจขัดแย้งกัน และกลายเป็นสร้างความขัดแย้งใหม่

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า และถ้าเป็นความขัดแย้งในสิ่งที่ สส. และสว. ไม่เห็นด้วย ร่างรัฐธรรมนูญถึงแม้จะเขียนให้ดีอย่างไรก็ไม่ผ่าน แต่เรามุ่งหวังอยากเห็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้และมุ่งหวังจะให้ผ่าน เอามาใช้ได้ในการเลือกตั้งครั้งใหม่

“หลักการประชาธิปไตยต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ในสังคม ถ้าปรารถนาอยากเห็นประชาธิปไตยจริงๆ ก็ไม่ควรยืนยันในความคิดตน ถ้าเราไม่ผ่านไป สิ่งที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นว่า ได้แต่เสนอรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากๆ ในความเห็นของเรา แต่ไม่เคยผ่านสามารถเอามาใช้ได้ ถ้าเข้าใจตรงนี้และเห็นว่าสังคมมีความเห็นที่แตกต่าง ไม่มีความเห็นใครถูกต้องที่สุด แต่เมื่ออยู่ร่วมกันก็ต้องหารือกัน โดยใช้จุดดีที่สุด เมื่อสังคมพร้อมก็ค่อยๆ พัฒนาไป และวันนี้ก็จะได้ประชาธิปไตยที่ดีมากขึ้นกว่าปี 60

เมื่อมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนได้รับความคุ้มครองมากขึ้น เราต้องอยู่กับความจริง ต้องมองเห็นพัฒนาการที่จะแก้ไข เพราะประชาธิปไตยไม่เคยเกิดขึ้นครั้งเดียวตามที่ใจปรารถนา ทั่วโลกประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ก็ต้องมีพัฒนาการ อยากให้เข้าใจตรงนี้และช่วยกันทำให้รัฐธรรมนูญผ่าน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนรุ่นเก่าที่เป็นตัวขัดขวาง ทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยลดลง ไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะไม่เป็นผลดีกับสังคม” นายภูมิธรรม กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน