สมศักดิ์ ไม่ขัด สธ. ชงออกประกาศพกยาบ้าไม่เกิน 10 เม็ดเป็นผู้เสพ มั่นใจไม่เปิดช่องผู้ค้า เหตุดูพฤติกรรมเป็นหลัก ปัดตอบฟื้นโรงเรียนบำบัดยุค ‘ทักษิณ’
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุขจะออกประกาศกระทรวงให้ผู้ที่พกพายาบ้าไม่เกิน 10 เม็ด เป็นผู้เสพว่า คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดในเม็ดยา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
อ่านข่าวที่นี่ : ชลน่าน จ่อออกกฎ สิ้นพ.ย.นี้ ยาบ้า10เม็ด เป็นผู้เสพ-ผู้ป่วย ยันแค่1เม็ดแต่ค้า กม.ไม่คุ้มครอง
แต่การกำหนดยากี่เม็ดจะเป็นผู้เสพ หรือผู้พกพา มีการหารือกัน 4 หน่วยงานคือ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ป.ป.ส. และกระทรวงสาธารณสุข และมีการสรุปผลว่า จะเป็นจำนวนกี่เม็ด ซึ่งได้ส่งความเห็นไปให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาออกคำสั่งและส่งมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ส.ชุดใหญ่ เพื่อประกาศเป็นแนวทางต่อไป
จากหลักการจะเป็นกี่เม็ดเราดูจากพฤติกรรม ผู้เสพ ผู้ขาย และปริมาณสารเสพติดในเม็ด ซึ่งยาบ้า 1 เม็ด มีสารบริสุทธิ์ 10-20 มิลลิกรัม โดยคนเสพจะเสพ 1-3 เม็ดต่อวัน ขณะที่พฤติกรรมของคนขายจะพกไม่เกิน 10 เม็ด หากพิจารณาถึงความอันตราย คนเสพเกิน 50 มิลลิกรัมต่อวัน จะมีอาการหลอนเหมือนคนบ้า แต่ถ้าวันนึงเสพ 120 มิลลิกรัมจะเสียชีวิต
จึงมาวิเคราะห์กันว่า หาก 10 เม็ด มีปริมาณสารในเม็ดยา 15 มิลลิกรัม ถ้าพกไป 10 เม็ด ก็ประมาณ 150 มิลลิกรัม จึงอยู่ในห้วงพิจารณาว่า จะเป็น 10 เม็ดหรือไม่อย่างไร ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขต้องนำเรื่องเสนอมา ส่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ส. คงไม่มีปัญหา
ส่วนที่เสนอข่าวว่าหากพกพา 1 เม็ด ถือเป็นการจำหน่ายนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ ปัจจุบันยังเป็น 15 เม็ดอยู่ ส่วนการกำหนดให้การพกพาไม่เกิน 10 เม็ดเป็นผู้เสพ จะเปิดช่องหรือไม่นั้น เราดูจากพฤติกรรม แม้จะพกไป 1 เม็ดหรือ 2 เม็ด แต่ถ้ามีพฤติกรรมเป็นผู้ขายก็มีโทษจำคุก แต่หากพกพาเพื่อเสพเราก็เปิดโอกาสให้นำคนพวกนี้ไปบำบัด โดยจะไม่มีโทษจำคุก โดยการบำบัดจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช้โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองเหมือนกับสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้ในการบำบัดผู้เสพหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า มีหลากหลาย เพราะการบำบัดผู้เสพเป็นเรื่องของการบูรณาการ มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งใช้งบประมาณ 8 พันล้านบาทต่อปี เป็นเรื่องของการบริหารจัดการของ ป.ป.ส.
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทราบว่า ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ได้อนุมัติให้เพิ่มแผนกคดียาเสพติดในศาลฎีกา โดยเพิ่มตำแหน่งรองประธานศาลฎีกาด้านยาเสพติด ซึ่งตนได้มีการหารือกับประธานศาลฎีกาเมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนกฎหมายในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
