ศุภชัย ชี้ 2 มาตรฐาน ขั้นตอนขับสส.ออกจากพรรคก้าวไกล กรณี 2 สส.คุกคามทางเพศ-ปดิพัทธ์ ยื่น กกต.สอบ หากพบสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง สมประโยชน์ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน-รองประธานสภาฯ ส่อยุบพรรค

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2566 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และอดีตสส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงพรรคก้าวไกล ขับ 2 สส.คือ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรคว่า ดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย เปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

ดังนั้น ตนจึงยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ โดยขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดําเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ ตามข้อบังคับพรรค และตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย.66 เป็นเอกสารประกอบ

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพิจารณาจากคําแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่และ สส.พรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาฯ และมีข้อความในแถลงการณ์ว่า ให้นายปดิพัทธ์ ออกจากสมาชิกพรรค โดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทําความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 119 วงเล็บใด มีดําเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรคอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหา ข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้เรียกนายปดิพัทธ์ มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริงการพิจารณา และเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึง ข้อ 131 หรือไม่

อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

“หากยังมิได้ดําเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดําเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่นได้ และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่า นายปดิพัทธ์ ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้ดําเนินการตามข้อบังคับพรรค และกฎหมาย การกระทําดังกล่าว เป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ เข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย ว่า แค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้ว หาจําเป็นต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนหรือไม่

หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดําเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคและกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน และนายปดิพัทธ์ ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาฯต่อไป

“อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯและกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน