“ชลน่าน” ลั่นทำงานทุกวัน หลังถูกวิจารณ์ รมต.โลกลืม 2 เดือน งานไม่คืบหน้า พร้อมขอบคุณและรับฟัง แจงหลายเรื่องเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง

วันที่ 13 พ.ย.2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา วิจารณ์การทำงานในรอบ 2 เดือนของ นพ.ชลน่าน เป็น “รมต.โลกลืม” เพราะยังไม่เดินหน้าทั้งเรื่องอัตราข้าราชการของแพทย์ พยาบาล ความมั่นคงของบุคลากรทางการแพทย์ ว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณอาจารย์ ซึ่งเป็นนักวิชาการและอินฟลูเอนเซอร์ที่สื่อให้ความสนใจ ในมุมข้อวิพากษ์วิจารณ์ รมว.ของพรรคเพื่อไทยที่พูดถึงว่า รมต.โลกลืม ไม่มีผลงาน โดยมีตนอยู่หนึ่งในนั้น ซึ่งมุมของนักวิชาการย่อมคาดหวัง และอาจารย์อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง ก็รับฟังและขอบคุณ

“แม้คำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ค่อยบวกกับผมนัก แต่สิ่งที่อาจารย์คาดหวังเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบุคลากร ค่าตอบแทนต่างๆ ต้องยอมรับว่า งานที่ผมรับหน้าที่มานั้น เป็นงานจากรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ทั้งมิติคุณภาพชีวิต มิติสุขภาพ เราก็นำมาแปลงเป็นนโยบายกระทรวง และทำเสร็จ 2 สัปดาห์ และนำมาแปลงเป็น 13 นโยบาย ซึ่งมีเรื่องบุคลากรอยู่ในนั้น” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สธ.เป็นกระทรวงหนึ่งที่ดูแลมิติสุขภาพ สัดส่วนเรามากกว่า 60% ดังนั้น บุคลากรด้านสุขภาพจะไม่ได้ขึ้นกับ สธ.อย่างเดียว เราเห็นปัญหานี้ ยิ่งจากประสบการณ์เรื่องการระบาดของโควิดยิ่งเห็นชัด จึงต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างก่อน ด้วยการตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน มีกรรมการจากทุกภาคส่วนมาเป็นกรรมการทำงานขับเคลื่อนนโยบายให้เป็นเอกภาพ

ปัญหาหลายเรื่องเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง อย่างบุคลากรต้องนำมาหารือในเวทีนี้ว่า จะวางโครงสร้างอย่างไร ซึ่งเราต้องแก้ไขเชิงโครงสร้าง มิเช่นนั้นแก้ไม่ได้ อย่างของ สธ.ก็มีกรอบของเรา คือ การมีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของกระทรวงสาธารณสุข เรียกว่า ก.สธ. หากสามารถออกจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ ซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็จะวางอัตรากำลังบุคลากรได้

ซึ่งงานเราเป็นงานบริการ ที่ผ่านมาภายใต้กฎระเบียบ ก.พ. เราต้องปฏิบัติตาม โดยไม่มีตำแหน่งตาม ก.พ.ให้ แต่เราต้องมีคนทำงาน ภาระงานก็เกิดขึ้น ทำให้ต้องใช้เงินจากการใช้บริการไปจ้างบุคลากรมาทำงาน ภาพที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ เราจึงต้องหาทางออกในเชิงโครงสร้าง

“นอกจากนี้ เรายังมีนโยบายควิกวินในงานของบุคลากรช่วยสร้างขวัญกำลังใจ เติมเต็มศักยภาพเพื่อแก้ปัญหาให้คนอยู่ในระบบ ทั้งภาระงาน ค่าตอบแทน ความก้าวหน้า กระทรวงดูแลหมด ที่สำคัญต้องทำอย่างไรให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุข ปัญหาที่ผ่านมาพบมีข้อขัดแย้ง ระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้บริการ จึงมีโครงการสร้างทีม CareD+

ขณะนี้มีคนเข้าสู่หลักสูตรเป็นหมื่นคน เพื่อกระจายไปยังสถานบริการของ สธ. ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่เราวางไว้” นพ.ชลน่านกล่าวและว่า อีกทั้งยังมีงานอื่นๆ อีกที่อยู่ในควิกวิน 13 เรื่อง แต่กำหนดเป็นจุดเด่น 10 เรื่อง และขับเคลื่อนไปแล้วหลายเรื่อง เช่น คิกออฟฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เราฉีดวัคซีนไปแล้วกว่าแสนราย ซึ่งภายใน 100 วันจะฉีดวัคซีนได้ภายใน 1 ล้านโดส

ถามว่า รศ.ดร.โอฬาร ยังตั้งคำถามเรื่องการจัดการวางแนวทางออกร่างกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาทางการแพทย์ให้รัดกุม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ยกร่างกฎหมายเสร็จแล้ว โดยวันที่ 14 พ.ย. คณะกรรมการยกร่างกฎหมายจะมาทบทวนร่างทั้งหมด เพื่อเสนอเข้าสู่สภา ซึ่งไม่ได้ช้า โดยหน้าที่เมื่อเข้ามาทำงาน ก็ตั้งคณะกรรมการร่างกฎหมายกัญชา

เพราะกฎหมายเดิมไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา เราก็นำกฎหมายฉบับนั้นมาปรับปรุง เติมเต็มในส่วนที่เป็นปัญหา ทั้งบังคับใช้ ช่องว่างเรื่องการใช้กัญชาส่วนอื่นๆไปในทางที่มิชอบ มาเติมเต็มให้ถูกต้องเหมาะสม คาดว่าเปิดสมัยประชุม ร่างนี้จะเข้าสู่สภาพิจารณาทันที จึงไม่ถือว่าล่าช้า

เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ถูกจับตามองการทำงาน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่กดดัน เราเป็นรัฐบาลของประชาชน ทุกข้อเสนอ ข้อสังเกตล้วนเป็นประโยชน์

“ผมทำงานทุกวันนี้ ไม่มีวันหยุด เราพยายามนำต้นแบบของท่านนายกฯ ผมเป็นรัฐมนตรี ผมสำนึกตลอดเวลาว่า ถ้าขยันน้อยกว่านายกฯ ผมถูกปลดแน่นอน ต้องขยันและสร้างผลงาน แม้จะมีประเด็นที่เราระมัดระวังในการสื่อสาร อย่างโครงการไหนยังไม่สำเร็จ เราก็สื่อสารกระบวนการ ซึ่งพูดไม่ได้เยอะ อย่างควิกวินเราสื่อสารแล้ว แต่เมื่อผลสัมฤทธิ์เราก็จะขยายต่อไป” นพ.ชลน่านกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน