สส.ภูมิใจไทย ขอบคุณ ‘นายกฯ-อนุทิน’ เลือกระนองประชุมครม.สัญจรครั้งหน้า บอกชาวบ้านอยากเห็น โครงการแลนด์บริดจ์ พลิกโฉมเป็นพื้นที่การค้าโลก วอนช่วยแก้ปัญหาซ้ำซาก ที่ดิน-น้ำ-ถนน-ประมง หวังเปลี่ยนเป็นเมืองเศรษฐกิจด้านท่องเที่ยว ช่วยตอบโจทย์รัฐบาล
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สส.ระนอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรนอกสถานที่ครั้งต่อไปโดยเลือก จ.ระนอง ว่า ชาวระนอง ขอบคุณ และพร้อมให้การต้อนรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และครม.ทุกคนที่เลือก และเห็นความสำคัญของ จ.ระนอง ให้เป็นสถานที่ประชุมครม.สัญจร
หลังจากที่ผ่านมา มีการมองข้าม จ.ระนอง เนื่องจากเป็นจังหวัดเล็ก และขนาดของเศรษฐกิจอาจเทียบเท่าจังหวัดอื่นไม่ได้
นายคงกฤษ กล่าวว่า สิ่งที่ชาวระนอง คาดหวัง และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ประกอบด้วยปัญหาในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในมิติเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและที่ดินทำกิน อาทิ ปัญหาที่ดินชุมชนเมืองระนองบริเวณพื้นที่อบจ.ระนอง และเทศบาลเมืองระนอง ขอใช้ประโยชน์เดิม แต่ภายหลังที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เคยลงมาสั่งการให้แก้ไขอย่างเร่งด่วน แต่ถึงปัจจุบันที่กรมธนารักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ชาวบ้านได้
รวมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่ง พัฒนาท่าเทียบเรือ แหล่งกักเก็บน้ำ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ปัญหากฎหมายประมงที่ยังล่าช้า และถนนเพชรเกษมสายเก่าหมายเลข 4 จำนวน 4 เลน ที่ต้องการให้ทำเชื่อมต่อไป จ.พังงา แต่บัดนี้ทำแค่ในตัวเมืองระนองเท่านั้น เพื่อให้สอดรับแผนโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือ “ไทยแลนด์ริเวียร่า” ครอบคลุมพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ลงไปจังหวัดพื้นที่ฝั่งอันดามัน เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศตามแนวทางของรัฐบาล
นายคงกฤษ กล่าวด้วยว่า ในอนาคต ชาวบ้านระนองต้องการให้รัฐบาลผลักดัน โครงการแลนด์บริดจ์ หรือโครงการพัฒนาสะพานข้ามทะเล เพื่อเชื่อมโยงทะเลอันดามัน จ.ระนองกับอ่าวไทย จ.ชุมพร หลังพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายนี้ตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา และครม.นายกฯเศรษฐา ก็ขานรับมีมติอนุมัติหลักการโครงการนี้ไปเมื่อวันที่ 16 ต.ค.66 และนำไปขายในเวทีโลกมาแล้ว
“หากรัฐบาลดำเนินการสำเร็จ จะทำให้เป็นศูนย์การค้าและคมนาคมขนส่ง จะเป็นแม่เหล็กใหม่ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ที่จะเกิดมูลค่าเศรษฐกิจมหาศาลให้แก่ประเทศไทย และยังสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ชาวระนอง และจังหวัดอื่นๆอีกด้วย” นายคงกฤษ กล่าว
