เลือดสีฟ้าไหลไม่หยุด? ไหลไปไหน พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้กรรมการบริหารชุดใหม่ สูญสิ้นอุดมการณ์ หรือว่าอุดมการณ์นั้นเสียหายไปนานแล้ว
ยอมรับกันตรงๆ เถอะ ผลเลือกตั้งฟ้องชัด ประชาธิปัตย์ได้ปาร์ตี้ลิสต์แค่ 925,349 คะแนน ได้ สส.แค่ 3 คน ชวน, บัญญัติ, จุรินทร์ นั่นคือคะแนนนิยมพรรค จากคนที่กรีดเลือดออกมายังเป็นสีฟ้าจนวันตาย
ขณะที่ 22 สส.เขต ชนะด้วยตัวเขาเอง กระทั่ง สส.ใต้ ก็ไม่สามารถพึ่งกระแสพรรค ไม่มีอีกแล้วกระแส “คนใต้รักชวน” “คนกรุงรักอภิสิทธิ์” คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ด้ามขวาน ก้าวไกล-รวมไทยสร้างชาติ เอาไปกินเกือบหมด
อุดมการณ์อาจยังมี แต่ขายไม่ออก จะให้ 21 สส.กอดอุดมการณ์เดิมต่อไป? จากพรรคเกินร้อยห้าสิบ กลายเป็นพรรคครึ่งร้อย พรรคเสี้ยวร้อย อยู่อย่างนี้มีแต่ตายกับตาย
เอาอภิสิทธิ์กลับมาก็ไม่ช่วยอะไร จะให้โหวตมาดามเดียร์ ซึ่งเพิ่งย้ายพรรคไม่ครบปี แล้วบอกว่านี่คือผู้สืบทอดอุดมการณ์บรรพชน?
แต่ชาวเลือดสีฟ้าไม่ยอมรับความเป็นจริง แห่ทัวร์ลง เฉลิมชัย-เดชอิศม์ อยากขับ 21 สส.ไปตั้งพรรคใหม่ แล้วให้อภิสิทธิ์กับบรรดาผู้สมัครสอบตกกลับมายึดพระแม่ธรณีบีบมวยผม ยึดอาคารที่ ชวน หลีกภัย นั่งเฝ้าอยู่ชั้นบน แม้เหลือ สส. 4 คนก็ภาคภูมิใจ
ยอมรับเสียเถอะว่า อุดมการณ์ประชาธิปัตย์ที่พูดกัน จูงใจคนไม่ได้แล้ว ตั้งแต่ยุคชวน 1-ชวน 2 ถูกวิจารณ์เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น มาถึงยุคอภิสิทธิ์ “ดีแต่พูด” ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องผลงาน แต่หมายถึงการอวดอ้างตนเป็นคนดี ประชาธิปไตยสุจริต ที่โดนสวนว่าดัดจริต
ปชป.ตกต่ำมาตลอด ตั้งแต่บอยคอตเลือกตั้ง 2 ครั้ง ตั้งรัฐบาลกับภูมิใจไทยก็ถูกประณาม “ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร” การปราบมวลชนเสื้อแดงปี 53 กระทั่งคนของพรรคออกมาตั้ง กปปส.เป่านกหวีดปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้งปี 57
แต่ตอนนั้น ปชป.เป็นศูนย์รวมของคนเกลียดทักษิณ คนแอนตี้เพื่อไทย ซึ่งไม่มีตัวเลือกอื่น กระทั่งมีประยุทธ์
รัฐประหาร 49 เสียของ ในมุมมองอำนาจอนุรักษนิยม ไม่น่าเลย ไม่น่าฝากความหวังรัฐบาลอภิสิทธิ์ เลือกตั้ง 62 คสช.จึงกวาดต้อนนักการเมืองมาตั้งพรรคเอง ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ เอง ขณะที่อภิสิทธิ์อย่างหล่อ ไม่เอาประยุทธ์
ในสายตามวลชนอนุรักษ์ การต่อสู้กับทักษิณมีแต่ประยุทธ์เท่านั้น “เอาอยู่” ยิ่งเกิดกรณีไทยรักษาชาติ มวลชนอนุรักษ์ยิ่งโกรธควันออกหู ฐานคะแนนจึงขวาหัน เทให้พลังประชารัฐ ฉีดยาฆ่าประชาธิปัตย์ตายเป็นเบือตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงด้ามขวาน
เท่านั้นไม่พอ ปชป.ยังกลับคำ ร่วมรัฐบาลประยุทธ์ อภิสิทธิ์ต้องลาออกทั้งหัวหน้า-สส. โดยมีข้ออ้างร่วมรัฐบาลเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ สุดท้ายแก้ได้เรื่องเดียว ระบบเลือกตั้งพิกลพิการต่างเขตต่างเบอร์
ปชป.ตกต่ำมาตลอดแต่มองไม่เห็นตัวเอง ไม่เคยยอมรับ จนทำ New Low เลือกตั้ง 66 ประยุทธ์ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ กวาด ปชป.สาย กปปส. กวาดฐานเสียงอนุรักษ์ 4.7 ล้าน ขณะที่คนชั้นกลางในเมืองซึ่งต้องการเห็นการเมืองดี ก็หมดศรัทธาพรรคสีฟ้า หันไปกาก้าวไกลถล่มทลาย
ประชาธิปัตย์วันนี้เหลืออะไร จึงต้องประเมินตัวเองให้ถูก หากจะฝืนชะตาโกงความตาย
ในปีกหนึ่งเหลือ 21 สส. ซึ่งชนะเลือกตั้งด้วยตัวบุคคล แม้มีฐานเสียงพรรคก็น้อยมาก แทบไม่มีนัยสำคัญ (เช่น เดชอิศม์ 5.4 หมื่น ทิ้งอันดับสอง 4 หมื่น คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 1.6 หมื่น)
ด้วยวิถีการเมืองบ้านใหญ่ระบบอุปถัมภ์ ไม่ต่างจากภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา จึงต้องหาทางเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหางบประมาณโครงการพัฒนาพื้นที่
อีกปีกหนึ่งเหลือผู้เฒ่านั่งเป็นตอ กับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 9 แสน เป็นพรรคต่ำห้า เลือดสีฟ้าที่ไหลออกก็ไม่มีศักยภาพตั้งพรรคใหม่ โดยเฉพาะเมื่ออภิสิทธิ์ประกาศแล้วว่ากรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้าจนวันตาย
รอวันให้ตกต่ำแล้วกลับมา? รอเวลาไม่ได้ร่วมรัฐบาลแล้วระส่ำระสาย? รอใกล้เลือกตั้ง สส.ย้ายพรรคหนี? รอรวมไทยสร้างชาติล่มสลายแล้วได้คะแนนเสียงกลับมา?
ไม่ง่ายสักข้อ สถานการณ์ข้างหน้าพลิกผันอย่างไรก็ไม่เข้าทางประชาธิปัตย์ แม้พรรคอนุรักษนิยมยังมีที่ยืนในการเมืองไทย แต่ต่อให้รวมไทยสร้างชาติเสื่อม ก็อาจมีพรรคใหม่ คนหน้าใหม่ สดกว่า เนียนกว่า มาแย่งคนรุ่นเก่าจากประชาธิปัตย์ มาแย่งฐานคนชั้นกลางจากก้าวไกล
ประชาธิปัตย์จึงอาจกลายเป็น “พรรคท้องถิ่น” เป็นพรรคการเมืองระบบอุปถัมภ์แบบเดียวกับภูมิใจไทย ชาติไทย พลังประชารัฐ แต่อำนาจต่อรองน้อยกว่า
“อย่าคิดว่าเวลาชีวิตเราตกต่ำแล้ว จะตกต่ำลงไม่ได้อีก ดูพรรคประชาธิปัตย์สิ” ชาวโลกออนไลน์เปรียบเปรย ชาวเลือดสีฟ้าก็ควรคิดว่า ยังตกต่ำกว่านี้ได้อีก
บทเรียนพรรคประชาธิปัตย์พูดผิวเผิน เป็นอนุรักษนิยมแต่ไปไม่สุด เรียกหามาตรา 7 บอยคอตเลือกตั้ง แต่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่เอาประยุทธ์
แต่พูดให้ถึงแก่นคือเป็นเจ้าหลักการที่ไม่ยึดหลักการ อวดว่าสู้เผด็จการแต่หวังพึ่งรัฐประหารตุลาการภิวัตน์กำจัดคู่แข่ง
บางคนบอกว่า พรรคก้าวไกลดูไว้ อย่าดัดจริตอ้างการเมืองดี ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่บางคนก็บอกพรรคเพื่อไทยดูไว้ ประชาธิปัตย์กลับคำ “ไม่เอาประยุทธ์”
อดใจรอไว้พิสูจน์กัน
