สมศักดิ์ ยอมรับ ‘ทักษิณ’ เข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ ยันไม่เคยเข้าไปล้วงลูกเอื้อประโยชน์เข้าเพื่อไทย เผยมีกลุ่มคนโทษต่ำ 4 ปี กว่า 10,000 คน ย้อนถาม เคยนอนคุกหรือไม่ แค่ 2-3 วัน ความดันพุ่งแล้ว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ธ.ค.2566 ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีชื่อของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องในการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 เป็นกฎหมายออกมาในช่วงรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็น สส.

หลังเลือกตั้งปี 2562 ตนเข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม โดยออกกฎกระทรวง มาตรา 33 เรื่องการจำแนกพฤติกรรม การรักษาพยาบาล ตลอดจนการเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ในปี 2563 ต่อมามีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุยชนมาหาตน ขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำทั้งกับนักโทษ ผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกกล่าวหา ที่ไม่ควรต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ

ตนก็เห็นด้วย จึงให้ปลัดกระทรวงและคณะทำงานกระทรวงยุติธรรมดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันเสร็จเรื่อง ตนก็ลาออกจาก รมว.ยุติธรรม และได้มาเห็นการทำระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาช่วงนี้ และมีการกล่าวถึงตน

ยิ่งตนมีฐานะเป็นวิป ทำให้มีหลายคนเข้ามาถาม ซึ่งวิปก็ยอมรับว่าในช่วงที่ออกฎหมายเป็นกฎหมายที่ดี จึงขอให้ตนมาช่วยชี้แจงและทำความเข้าใจต่อสาธารณะ ในส่วนที่จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกให้เป็นสากลขึ้น ส่วนจะส่งผลให้เอื้อประโยชน์กับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ตนก็ชี้แจงไปว่า ไม่ใช่ เป็นกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในกรอบสากล

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ฉะนั้น การจำแนกผู้ต้องขังและสถานที่คุมขังนอกเรือนจำนั้น เป็นการดำเนินการตามหลักสากล และกฎหมายก็อนุญาตให้ดำเนินการในลักษณะนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการอย่างครบถ้วน ตามเกณฑ์ แต่การจำคุกโทษร้ายแรงจะไม่ถูกนำมาจำแนก

เรื่องนี้เป็นการทำความเข้าใจ ขณะนี้ก็เป็นเรื่องดีที่มีตัวอย่างในกรณีอดีตนายกฯ ที่อยู่ในการคุมขัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอธิบายเรื่องทัณฑวิทยา ซึ่งตนยินดีตอบคำถามในส่วนที่ยังขัดกับความรู้สึกประชาชน และยังมีประเด็นไหนที่น่าจะต้องปรับแก้ให้ชัดเจน ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่ได้ไปล้วงลูก แต่ทบทวนสิ่งที่เคยผ่านมาให้เห็น

เมื่อถามว่ากรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าเกณฑ์กรมราชทัณฑ์ที่ออกมาหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เข้าเกณฑ์ เท่าที่ดูคือมีโทษไม่เกิน 4 ปี และไม่ใช่บุคคลอยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม จึงอยู่ในที่คุมขังได้ และเป็นโทษที่น้อยกว่า 1 ปี

ส่วนที่มีกระแสข่าวนายสมศักดิ์ เข้าพรรคเพื่อไทย เพราะเอื้อประโยชน์ในส่วนนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวปฏิธว่า “ไม่ใช่ ถ้าผมคิดว่าจะต้องเข้าพรรคเพื่อไทย ผมคงทำให้เสร็จในตอนนั้นไปแล้ว แต่ผมไม่ได้คิด มันเป็นไปตามครรลอง เป็นพัฒนาการของกฎหมายจากปี 2560 ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหน แต่กฎหมายพัฒนาเข้าสู่ความเป็นสากล”

นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า นี่คือพัฒนาการของกฎหมาย และเป็นโอกาสของประเทศ โชคดีที่มีกรณีสำคัญตรงนี้ที่ทำให้คนสนใจ และได้อธิบาย แต่เมื่อตนเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มเดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง จึงต้องพูดให้สังคมเข้าใจ ยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การบริหารโทษทางอาญามี 5 ประเภท แต่กรมราชทัณฑ์มี 2 ประเภท คือ ประหารชีวิต และจำคุก ซึ่งการจำคุกนี้ไม่ได้สงวนไว้แค่ในเรือนจำเท่านั้น ขณะนี้เท่าที่ทราบในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นทางการ มีกลุ่มคนที่มีโทษน้อยกว่า 4 ปี จำนวน 10,000 กว่าคน ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่พ้องต้องกัน

“โชคดีที่ได้เอาเคสนี้มาอธิบายต่อสาธารณะ เพราะมีวีไอพีอยู่ตรงนี้ ทำให้คนสนใจติดตาม แต่ไม่ได้ทำเฉพาะกรณีนี้ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์” นายสมศักดิ์ กล่าวและว่า

ส่วนการรักษาตัวที่โรงพยาบาลของนายทักษิณ ที่จะครบ 120 วันนั้น อยู่ในความเห็นของแพทย์ และอำนาจของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา จากสถิติเดือนนี้ก็มีผู้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 30 วัน จำนวนมากเกือบ 150 คน ไม่ใช่แค่ 1-2 คน ในอดีตก็มีมาก แต่ไม่ได้เปิดเผย นายทักษิณเป็นคนที่สาธารณะให้ความสนใจ ถ้ามีผู้ที่อธิบายเรื่องดังกล่าวให้สังคมเข้าใจ สังคมจะยอมรับและเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่า นายทักษิณตอนอยู่ต่างประเทศมีสุขภาพดี แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยกลับป่วย ถือว่าแปลกหรือไม่ นายสมศักดิ์ ย้อนถามว่า “ก็น้องไม่เคยถูกจองจำ น้องลองไปสักสองสามวัน ชีวิตมันเครียดนะ เราเสียอิสรภาพหรือสิ่งต่างๆ ที่เราเคย ลองเข้าไปนอนสักคืนสองคืน นอนไม่หลับ คนอายุมากความดันขึ้น ป่วย”

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ทางผบ.เรือนจำ และอธิบดีก็มองว่ามีความเสี่ยง เมื่อเห็นเหตุการณ์แล้วจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และเพื่อไม่ให้ตนเองต้องรับผิดชอบด้วย ใครไม่เคยไปนอนคุก ไม่เคยถูกจองจำ ลองไปสักคืนสองคืนจะพบว่าความเครียดเป็นต้นกำเนิดของโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย

นายสมศักดิ์ ยังยกตัวอย่างว่า โรคเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคอื่น เช่น โรคเบาหวาน ความดันเข้ามารุมเร้า พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าเคยเป็นหวัดภูมิแพ้หรือไม่ นอนไม่หลับสองคืนก็จะป่วยหนัก ตนก็เป็นเช่นกัน เดี๋ยวนี้โรคภัยไข้เจ็บเยอะ ยิ่งคนที่อยู่ในเรือนจำเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ

เมื่อถามว่าจะเปิดเผยชื่อโรคของนายทักษิณ ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ตนเพียงแค่พูดในทางวิชาการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน