สมศักดิ์ ขู่ กมธ.ตำรวจ ระวังถูกฟ้อง หลังเตรียมบุกเยี่ยม ‘ทักษิณ’ ชี้เป็นสิทธิ์ผู้ต้องขัง-ผู้ป่วย ไฟเขียวให้เยี่ยม ป้องจนท.ออกระเบียบราชทัณฑ์ หวังสังคายนากฎหมายพัฒนาเทียบสากล เชื่อไม่ได้เอื้อใคร

เมื่อเวลา 12.05 น. วันที่ 22 ธ.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบต่างๆ ถูกเชื่อมโยงว่าเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า กรณีดังกล่าวเป็นพัฒนาการของกฎหมาย เมื่อมีกฎหมายออกมา ก็ต้องดำเนินการตามแนวทางของกฎหมาย

เมื่อถามว่าสังคมตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าต้องการพัฒนา เหตุใดจึงไปโยงกับเรื่องของนายทักษิณ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จังหวะไปลงกันพอดี โดยปกติสังคมข้าราชการไทยจะอยู่แบบสบายๆ ไม่ค่อยคิดอยากทำอะไรที่เป็นเรื่องใหม่ เพราะเรื่องใหม่ก็เป็นเรื่องน่าหวาดเสียวสำหรับองค์กรที่จะเข้ามาตรวจสอบ เพราะองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ บางคนไม่ได้อยู่ในมาตรฐาน

ขณะที่คนส่วนใหญ่อยู่ในมาตรฐานจะทำให้ผู้ที่ถูกตรวจสอบนั้นเสียสติ เพราะเกิดความไม่ชัดเจนในตัวกฎหมายหรือหลักวิชาการ บางครั้งก็มีเด็กฝากที่ไม่ค่อยเก่ง ทำงานไม่คล่อง ก็ไม่เกิดการพัฒนา

ผู้สื่อข่าวถามว่ารายชื่อผู้ที่เข้าตามหลักเกณฑ์ของระเบียบราชการฉบับใหม่ น่าจะได้เห็นออกมาก่อนปีใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดูจากแนวทางดำเนินการ ถ้านำเสนอข้อมูลข่าวสารออกไป ก็กระทบกับคนที่ทำงาน เพราะคิดว่าทำให้เกิดปัญหามาก จึงไม่ทำดีกว่า และอาจทำให้ผู้ที่จะได้เข้าหลักเกณฑ์เสียโอกาสไปด้วย

เรื่องนี้ไม่ได้บังคับให้ทำ แต่เป็นพัฒนาการของกฎหมาย เพราะพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ออกมาตั้งแต่ปี 2560 ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลา 5 ปี โดย ในมาตรา 43 ของพ.ร.บ.ดังกล่าว ระบุว่าเมื่อครบ 5 ปี จะต้องสังคายนากฎหมายดังกล่าวว่ามีอะไรที่สมดุลหรือไม่สมดุล และต้องมีการปรับแก้ไข แต่ตอนนี้เกิน 5 ปีไปแล้ว ถ้าไม่คิดพัฒนา ก็นอนอยู่เฉยๆ คอยเซ็นหนังสือไปวันๆ

“ถามว่าประเทศจะไหวหรือไม่กับการไม่คิดจะทำอะไร ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้หมด ก็กลายเป็นประเทศที่คอยใช้แต่เงินงบประมาณที่มีจำนวนน้อย ดังนั้น เราต้องแก้กฎระเบียบข้อบังคับที่จะพัฒนาสู่สากลในทุกด้าน จะทำให้มีช่องทางหาเงินเข้าประเทศได้ ผมอยู่การเมืองมานานกว่า 40 ปี สามารถพูดได้เพราะเห็นชัด” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยจะชี้แจงต่อข้อกังขาของประชาชนที่ยังสงสัยอยู่ได้ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ชี้แจงได้ และตนที่ไม่ได้เกี่ยว แต่เข้าใจเรื่องนี้ ก็ชี้แจงได้ และออกมาพูดในขณะที่ไม่มีใครพูด เพราะถ้าไม่พูดจะเกิดความเข้าใจผิด และมองเห็นถึงความตั้งใจดีของราชการ แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ก็จะไม่กล้าเดินต่อ และถ้าไม่เดินต่อ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับคนอื่นที่ควรจะได้รับประโยชน์จากตรงนี้

เมื่อถามว่าหากเป็นอย่างนี้ นายทักษิณจะอยู่นอกเรือนจำไปตลอดจนกว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น และอย่าไปถามออกนอกกรอบ เรื่องจะอยู่นอกหรือในเรือนจำนั้น เป็นการตรวจสอบของแพทย์ และเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวของผู้ต้องขังด้วย หากเขาไม่ต้องการให้ใครมาเยี่ยม บุคคลนั้นก็มาเยี่ยมไม่ได้

เรื่องนี้ใช้กับผู้ต้องขังทุกคนที่อยู่ในเรือนจำ และต้องขึ้นบัญชีผู้ที่จะเข้าไปเยี่ยมได้ ไม่ใช่อยากเข้าไปเยี่ยมหรือเข้าไปตรวจสอบ มันทำไม่ได้ นอกจากนี้ การที่บอกว่าใจไม่กว้าง ปกปิดไม่ให้มีการเข้าเยี่ยม ขอย้ำว่ามันมีกฎกติกาในการเยี่ยม ถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต ก็จะมีเพียงทนายความหรือญาติที่สนิทเท่านั้น

ต่อข้อถามว่าคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะขอเข้าไปเยี่ยมนายทักษิณ ที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ นายสมศักดิ์ กล่าวย้อนว่า ถ้าเขาไม่อนุญาต ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ป่วย และจะไปถามว่าเป็นโรคอะไร ก็ไม่เปิดเผย แต่ถ้าเปิดเผยก็ถูกฟ้อง ระเบียบเป็นอย่างนี้กับทุกคนไม่ใช่รายใดรายหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน