กมธ.สิทธิฯ วุฒิสภา เรียก กสม. แจงคำแถลงการณ์เอื้อกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบเพื่อ ‘ทักษิณ’ หรือไม่ วสันต์ ยันหลักการแยกนักโทษเด็ดขาดออกจากผู้ต้องขังรอคำพิพากษา ชี้ไม่เคยมีข้อสรุปนำคนป่วยออกนอกเรือนจำ ย้ำต้องให้ศาลสั่งเท่านั้น
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2566 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะประธานกมธ. เชิญคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ชี้แจงความเห็นต่อการออกระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่าเอื้อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่
โดยมีน.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กสม.เข้าชี้แจง ส่วนกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเอง แต่ส่งนายสมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กองทัณฑวิทยา มาชี้แจงแทน
น.ส.ปิติกาญจน์ ชี้แจงต่อกมธ.ว่า ความเห็นที่ กสม. เสนอไป คือให้กรมราชทัณฑ์ จำแนกผู้ต้องขังออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ผู้ที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งตามหลักกฎหมายและหลักสากล จะต้องสันนิษฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 50,000 คนที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี และ 2.นักโทษเด็ดขาด ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้จะต้องมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ขณะที่นายวสันต์ ชี้แจงว่า คำแถลงการณ์กสม.เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ถูกพาดพิง และเกรงว่าสังคมจะเข้าใจผิด จึงขอชี้แจงว่า ข้อเสนอของ กสม. เมื่อตอนตรวจเยี่ยมเรือนจำ ปี 2562 คือแก้ปัญหาความแออัดของเรือนจำ ซึ่งมีประเด็นเข้ามา
ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการสู้คดี ยังเป็นแค่จำเลย และบางส่วนไม่ได้รับการประกันตัว จึงเสนอให้ควรปฏิบัติให้ต่างกับนักโทษเด็ดขาด และขณะนั้นมีข้อเสนอร่วมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะรมว.ยุติธรรมในขณะนั้นด้วย คือบุคคลเหล่านี้ควรสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ทวี ถึงหลักผู้ที่ถูกกล่าวหา กับนักโทษเด็ดขาด ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องระเบียบโดยตรง ซึ่งมีพูดถึงนักโทษที่ป่วยหนัก หรือป่วยจิตเวช ที่ควรพิจารณา แต่ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และเห็นว่ากรณีที่ผู้ถูกกล่าวหา จะป่วยหนักติดเตียงหรือจิตเวช คนที่จะสั่งได้ต้องเป็นศาล ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากรมราชทัณฑ์จะสั่งเองทั้งหมด