สส.ไหม แนะรัฐบาลเตรียมแผนสำรอง หากกฤษฎีกาไม่เคาะพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ชี้ หากร่างกม.ผ่านจะยิ่งเพิ่มภาระหนี้สูง ส่งผลต่อการจัดอันดับทางการคลัง เหน็บ รบ.ทุ่มงบอัดรวดเดียว ทำจีดีพีโตแค่ 3 เปอร์เซ็นต์กว่า จาก 5 เปอร์เซ็นต์ตลอด 4 ปี

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2566 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุเตรียมจะเสนอร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนอยากให้รอคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน ซึ่งน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน ภายในต้นเดือนม.ค. เพราะจะได้เตรียมการทุกอย่างให้เสร็จ

หากคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่าไม่สามารถออกเป็นพ.ร.บ.ได้ ก็สามารถเปลี่ยนแผนได้ทันท่วงที เพราะตามไทม์ไลน์เดิม ถูกเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง จากที่เคยประกาศว่าจะได้ใช้เงิน ดิจิทัลวอลเล็ตในเดือนก.พ. ก็เปลี่ยนเป็นเดือนพ.ค.

แต่หากเริ่มต้นในเดือนพ.ค. เท่ากับว่าจะไม่ครอบคลุมในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลใดๆ เลย ซึ่งอาจต้องยืดระยะเวลาของโครงการไปอีก จึงไม่แน่ใจว่ารัฐบาล ได้เตรียมแผนสำรองไว้บ้างหรือไม่ เท่าที่เราตรวจสอบแล้ว หากไม่สามารถออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านได้ และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะเข้าที่ประชุมสภาฯ ในอีกไม่กี่วัน คงจะแก้ไขไม่ทันแล้ว

น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า หากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทผ่าน ประกอบกับรัฐบาลเคยระบุว่า จะพยายามใช้หนี้คืนให้หมดภายใน 4 ปี สิ่งที่จะเกิดขึ้นทันที คือ หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอีก 5 แสนล้านบาท ตัวเลขดูอาจจะไม่เยอะ และอาจจะไม่ทำให้หนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้นเกินเพดานที่กำหนดไว้

แต่สิ่งที่จะตามมา คือภาระหนี้ที่มาพร้อมกับเงินต้น และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนในแต่ละปี เฉพาะดอกเบี้ยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อปี ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลนั้น เพิ่มขึ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ใช้พิจารณาความเข้มแข็งทางการเงินการคลังของประเทศ

หากประเทศใดที่มีภาระดอกเบี้ยสูง ก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตการณ์ทางการคลัง ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจ ซึ่งหลายสำนักออกมาประมาณการณ์ว่า ผลกระทบต่อจีดีพีจะเป็นอย่างไร แต่ไม่มีสำนักไหนที่ประเมินว่า ภายหลังเศรษฐกิจถูกกระตุ้นด้วยเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทแล้ว จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้เกิน 1 เปอร์เซ็นต์

“ที่รัฐบาลระบุว่า จะพยายามให้จีดีพีเติบโตได้ 5 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย ภายใน 4 ปี แต่ในปีแรก ที่มีการอัดเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และน่าจะเป็นครั้งเดียวภายใน 4 ปี ที่ทำแบบนี้ได้ ก็ยังคงทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นได้เพียง 3.6-3.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น เศรษฐกิจจะเติบโต 5 เปอร์เซ็นต์ภายในสี่ปี แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน