สุชาติ รับประกันความบริสุทธิ์ตัวเอง ซัด ดีเอสไอ ทำผิดขั้นตอน จ่อฟ้อง เหตุทำให้เสียชื่อ ถูกโยงหักค่าหัวคิวส่งแรงงานไทยไปฟินแลนด์
จากกรณีกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติกล่าวหา 2 อดีตรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน รวม 4 คน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีพบหลักฐานเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งแรงงานไทยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในสาธารณรัฐฟินแลนด์ มีการเรียกเก็บค่าหัวคิวรายละ 3,000 บาท แรงงานกว่า 12,000 คน รวมความเสียหาย กว่า 36 ล้านบาท
โดยเตรียมส่งเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 นั้น
วันที่ 12 ม.ค.2567 นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรมว.แรงงาน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ดีเอสไอได้ออกเอกสารว่าเป็นเรื่องเมื่อปี 2563 ส่วนตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนส.ค.2563 ขณะที่การส่งแรงงานไทยไปทำงานที่ฟินแลนด์จะส่งทุกๆ เดือน มิ.ย.- ก.ค.และส่งมานานกว่า 10 ปี
ดังนั้น แปลว่าปี 2563 นั้น มีการส่งแรงงานไปฟินแลนด์ก่อนตนจะเข้ารับตำแหน่ง ส่วนปี 2564-2565 ก็มีการส่งแรงงานไปทำงานต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย กระบวนการคือแต่ละปีสถานทูตฟินแลนด์จะกำหนดโควตาว่าต้องการแรงงานจำนวนเท่าไหร่ แล้วประสานมายังกระทรวงแรงงาน จากนั้นกระทรวงแรงงานก็จะแจ้งไปยังนายจ้างที่ประสานกับทางเอกชนฟินแลนด์อยู่แล้ว เพื่อจัดส่งกันเอง
การคัดคนงาน การจัดส่งต่างๆ กระทรวงแรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้าไปควบคุมตรงนั้นได้ กระทรวงแรงงานแค่ออกกฎระเบียบว่าให้นายจ้างกับลูกจ้างมีการทำสัญญา มีแบงก์การันตีว่าจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนเท่าไหร่ เราทำเช่นนี้ทุกครั้งในการจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ย้อนกลับมาที่มีแรงงานถูกส่งกลับ 10-20 คน และร้องเรียนไปยังสถานทูต ต่อมามีประเด็นข้อหาค้ามนุษย์
“ต้องถามกลับว่าแล้วคน 3,000-4,000 คนที่เดินทางไปนั้น ทำไมถึงไม่ร้องเรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางกลับมาถึงกระทรวงแรงงาน ก็จะเรียกลูกจ้างและนายจ้างมานั่งโต๊ะเจรจา มีแบงก์การันตี แล้วแบบนี้จะมาบอกว่าค้ามนุษย์ได้อย่างไร” นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติกล่าวว่า องค์ประกอบเรื่องการค้ามนุษย์ของฟินแลนด์กับของไทยแตกต่างกัน คนๆ หนึ่งซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของไทยถูกจับข้อหาค้ามนุษย์ ให้การซัดทอดข้าราชการหรือใครก็แล้วแต่ ซึ่งตนไม่รู้จักและไม่เคยไปยุ่งกับเขา ถามว่าคำให้การผู้ต้องหาซึ่งให้การแล้วได้รับการลดโทษ สามารถกลับบ้านได้ เขาให้การอะไรมา ดีเอสไอฟังทั้งหมดโดยไม่มีการสอบ
ประเด็นคือเรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรก เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักรคือการค้ามนุษย์ โดยอัยการสูงสุดส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบตามมาตรา 20 แต่กรณีที่ระบุมีการเรียกรับสินบน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในประเทศ ตามขั้นตอนต้องส่งไปยังป.ป.ช. แล้วป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนว่า มีมูลหรือไม่มีมูล จะยกหรือจะรับไม่รับอย่างไร
“ผมยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง แล้วถ้าป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วว่าผมไม่ได้มีความผิดตามที่ถูกกล่าว ดีเอสไอจะชดเชยอย่างไรกรณีที่ทำให้ผมเสียหาย การที่ดีเอสไอออกข่าวนี้มาเพราะต้องการกลบกระแสข่าวอะไรหรือไม่” นายสุชาติ กล่าว
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับใครเพราะถ้าไปคุยก็เท่ากับตนเป็นคนผิด แต่เรื่องนี้ใครให้การอะไรไว้ หรือกล่าวหาอะไรไว้ ตนจะฟ้องร้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง เพราะเรื่องนี้ตรวจสอบได้ หากบอกว่ามีเส้นทางการเงินก็เปิดเผยออกมาได้หากกล่าวอ้างถึงรัฐมนตรี หรือมีเส้นทางการเงินของใคร แต่ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้อง ฉะนั้น คุณก็ต้องยืนยันมาว่ามีเส้นทางการเงินของใครและแจ้งคนนั้น ไม่ใช่ออกมาพูดกำกวมเช่นนี้ ทำให้คนมองว่าเป็นตนเอง
เมื่อถามว่าได้สอบถามกลับไปที่กระทรวงแรงงานหรือไม่ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายสุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นตนก็ไล่เช็กว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยกระทรวงแรงงานในสมัยตนเป็นรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีแรงงานของฟินแลนด์ ซึ่งไปพร้อมเอกอัครราชทูตไทยประจำฟินแลนด์ นั่งคุยกันว่าให้ฟินแลนด์ออกเป็นวีซ่าการทำงานได้หรือไม่ เพื่อจะได้เข้าสู่กฎหมายกระทรวงแรงงานของฟินแลนด์ได้
เขาบอกว่ากฎหมายฟินแลนด์ ใครก็มาได้เพื่อทำงานเก็บผลไม้ป่า เขาไม่ได้เอาตามเรา กฎหมายของเขาก็คือของเขา ดังนั้น มันก็ตอบไม่ได้อีกอย่างเป็นเรื่องของเอกชนจัดส่ง ที่กล่าวอ้างว่ามีค่าดำเนินการเก็บค่าหัวคิวรายละ 3,000 บาท ต้องถามกลับว่าหากเก็บจริง นายจ้างจะบอกหรือไม่ว่าเก็บไปให้ใคร คนไหน ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนไปคุยเอง แต่ประเด็นสำคัญคือการไปทำงานแบบถูกกฎหมายจะต้องมาจ่ายอะไรพวกนี้ด้วยหรือ
“ถ้าองค์ประกอบกฎหมายฟินแลนด์บอกว่า เป็นการค้ามนุษย์ แต่เมื่อเราเป็นคนไทย กฎหมายขายไทยจะเข้าหรือไม่เข้า ดีเอสไอก็ต้องทำหน้าที่สืบสวนองค์ประกอบว่า มันเข้าหรือไม่เข้า แล้วชี้แจงเขาให้ได้ กล่าวหาเราอย่างนี้ได้อย่างไร เหมือนเขาโยนน้ำมันมาเผาบ้านคุณ แบบนี้คุณยอมอย่างนั้นหรือ คุณต้องชี้แจงว่าเข้าหรือไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมาย” นายสุชาติ กล่าว
กฎหมายค้ามนุษย์ของไทยคือ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทุบตี ไม่จ่ายเงิน แต่นี่ได้วีซ่าไป ไม่ได้วีซ่ากลับ เพราะเกินกำหนด กลับมาถึง กระทรวงแรงงานก็เป็นเจ้าภาพตั้งโต๊ะเจรจาให้คนที่ไม่พอใจ ถามว่ามันเข้าข่ายค้ามนุษย์ตรงไหน ที่ฟินแลนด์จะดูเรื่องการนอน การกิน แล้วพฤติกรรมของคนเก็บผลไม้ป่า เก็บมากได้มาก ที่เขาทำงานเกิน 8 ชั่วโมงเพราะได้ปริมาณมาก ถือเป็นเรื่องค้ามนุษย์หรือไม่ เข้าองค์ประกอบของกฎหมายไทย เกี่ยวกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นรปภ.ทำงานเกิน 8 ชั่วโมง ก็ถือเป็นการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่
เรื่องนี้ใครทำให้เสื่อมเสียก็รับไป แลใครที่ปฏิบัตินอกเหนือจากความเป็นจริงก็ต้องรับไป ใครที่กล่าวหาโดยไม่มีข้อมูลหลักฐาน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็ต้องรับไปทั้งหมด
เมื่อถามย้ำว่าจะฟ้องดีเอสไอและผู้กล่าวหาใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ใครก็ตามทำให้ตนเสียหาย ต้นตอทั้งหมด ขณะนี้ได้ตั้งทีมกฎหมายพิจารณา และรอดูว่าเขาจะแนะนำอย่างไร ตนถือว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนเป็นอดีตรัฐมนตรี หากตนเป็นรัฐมนตรียุติธรรมแล้วไปเอาเรื่องเก่ามากล่าวอ้างอดีตรัฐมนตรียุติธรรมบ้างได้หรือไม่
คุณไปพูดให้ข่าวอดีตรัฐมนตรีแบบนี้จะให้ต่างชาติเขามองอย่างไร ว่ารัฐมนตรีไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ มันจะไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะกฎหมายค้ามนุษย์ มันแยกเป็นราชอาณาจักร ที่บอกว่าให้อัยการร่วมสอบ ร่วมกล่าวหา ก็ต้องพูดให้ชัดว่ากล่าวหาใคร กล่าวหาเรื่องอะไร แจ้งตนเรื่องอะไร และมีการกล่าวหาอะไรมา ต้องพูดให้ชัด