สส.ก้าวไกล ร่ายต้นตอแค่ปิดกั้นการแสดงความเห็นอย่างสันติ ลั่นจุดเริ่มต้นคดีร้ายแรงมาจากกระดาษแผ่นเดียว เจอ รทสช.ประท้วง ‘ปกรณ์วุฒิ’ สอนมวย พิเชษฐ์ นี่ไม่ใช่การทะเลาะ แต่ถกหาทางออกร่วมกัน

วันที่ 14 ก.พ.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วน ด้วยวาจาจำนวน 2 ญัตติ

เรื่องการขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผนและมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเพื่อเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ

ต่อมาเวลา 14.20 น. น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า การอภิปรายของตนไม่ได้ออกความเห็นว่าการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน นักกิจกรรมการเมือง เจ้าของคลิปบีบแตรและมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่บนทางด่วนที่มีขบวนเสด็จฯ เหมาะสมหรือไม่ ถูกผิดอย่างไร แต่อยากชวนให้คิดและฝากข้อสังเกตไปยังนายกฯว่า เราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และจะสร้างการจัดการที่เหมาะสมอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก

แรกเริ่มสังคมเห็นชื่อเยาวชนคนนี้ ปรากฏช่วงปลายปี 64 จากคลิปเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ถีบมอเตอร์ไซค์ของผู้ชุมนุมที่วิ่งมาด้วยความเร็วล้ม และเข้าใช้กำลังรุมทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย ทราบภายหลังว่าหนึ่งในนั้นคือผู้ถูกกระทำในวันนี้ คือน.ส.ทานตะวัน

หลังจากนั้นเห็นน.ส.ทานตะวัน ถือกระดาษสอบถามความเห็นในสถานที่สาธารณะ โพลที่ถามสอดคล้องกับความคิดเห็นของเจ้าตัว โดยข้อเรียกร้องของน.ส.ทานตะวัน หลักๆ คือการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง อดอาหารประท้วงในเรือนจำสู่โรงพยาบาล และการต่อสู้เหมือนจะเป็นสันติวิธีที่น.ส.ทานตะวันเลือก กลับทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอุ้มไปมากกว่า 5 ครั้ง ถูกคุมขังในเรือนจำ 2 ครั้ง

ทำให้นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงว่า ผู้อภิปรายพูดนอกประเด็น ขอให้ไปยื่นญัตติใหม่ โดยนายพิเชษฐ์ วินิจฉัยว่า กำลังฟังว่าผู้อภิรายจะอภิปรายไปในทางไหน ถ้ามาเล่าเรื่องคนนี้โดนอย่างโน่นอย่างนี้ จึงเป็นที่มาของการกระทำในครั้งนี้ ตนว่าทำไม่ถูก และย้ำว่าญัตตินี้คือการหาแนวทางเพิ่มความปลอดภัย ส่วนแนวทางไหนที่จะทำให้แย่ลงตนคิดว่าไม่ตรงประเด็น ขอให้อยู่ในญัตติ

จากนั้น น.ส.พนิดา อภิปรายต่อว่า สิ่งที่ตนอภิปรายอยู่นั้นคือ การสร้างแรงจูงใจที่ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการตั้งสมมติฐานว่าปิดกั้นการแสดงออกอย่างสันติวิธีผลักให้ผู้ชุมนุมหรือนักกิจกรรมต้องเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้น

ระหว่างที่น.ส.พนิดา อภิปราย นายศาสตรา ได้ประท้วงอีกครั้งว่า การประกันตัวของผู้ที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเช่นนี้ ตนพูดได้หรือไม่ว่าพฤติกรรมมันส่อ ขอให้ท่านประธานช่วยควบคุมด้วย ทำให้นายพิเชษฐ์ วินิจฉัยว่า คนที่อภิปรายเดี๋ยวจะมีอีกหลายคนที่จะพูดในทำนองนี้กัน เราจะประชุมไปต่ออย่างไร ฉะนั้น ขอให้รักษาประเด็น

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า ขอให้ควบคุมการอภิปรายตามข้อบังคับ วันนี้ไม่ได้มีแค่ญัตติเดียว และเป็นญัตติที่เกี่ยวข้องกับขบวนเสด็จ ไม่ใช่แค่การอารักขา แต่มีเรื่องของที่มาว่าเป็นมาอย่างไร หลังจากเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น เราจะป้องกันเหตุการณ์นั้นอย่างไร

ย้ำว่ารัฐสภาคือพื้นที่ที่ปลอดภัยที่เราจะต้องมาคุยเรื่องความเห็นต่างของคนในสังคม เพื่อหาทางออกร่วมกัน นี่ไม่ใช่การทะเลาะ นี่คือการเห็นต่างแล้วเราต้องมาพูดคุยกันว่าจัดการกับความเห็นต่างอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

“หากพูดกันได้อย่างเดียว ก็ปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลลุกขึ้นมาด่าคนว่าหนักแผ่นดินได้ แต่ฝั่งพวกผมไม่สามารถหาทางออกว่าเราจะอยู่ด้วยกันในสังคมที่แตกต่างกันได้อย่างไร ผมคิดว่ารัฐสภาจะไม่ใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ขอร้องเพื่อนสมาชิกเราอดทนร่วมกัน ไม่ประท้วง เข้าใจว่าทุกคนมีความรู้สึกร่วมกัน เรามาพูดคุยและรับฟังอย่างมีวุฒิภาวะ ขอร้องให้วันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

น.ส.พนิดา อภิปรายต่อว่า ตนมีคำถามฝากถึงเพื่อนสมาชิกฝ่ายรัฐบาลว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ.นั้น ไม่มีใครอยากให้เกิด เราต่างกำลังหาวิธีการแก้ไขปัญหา หลายคนเสนอให้เพิ่มมาตรการอารักขาให้เข้มงวดมากขึ้น ตนก็เสนออีกแนวทางหนึ่งให้มีการแก้ไขที่ต้นเหตุ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เหตุการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิด

ไทม์ไลน์ที่ตนเล่ามา จะเห็นได้ว่าการต่อสู้ของน.ส.ทานตะวัน ในวันแรกจนถึงวันนี้มีท่าทีที่เปลี่ยนไป นั่นคือการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นในพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่

หากมองเพียงกระพี้ จะเห็นแค่ว่านี่เป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อน รำคาญใจหากเยาวชนคนนี้ยังไม่หยุดดื้อรั้น จะต้องกำหราบปราบปรามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยอม แต่อยากให้ทุกคนมองถึงแก่นว่า นี่คือผลลัพธ์ของการปิดกั้นการแสดงออกอย่างสันติของประชาชนหรือไม่ เพราะจุดเริ่มต้นของการถูกคดีร้ายแรงของน.ส.ทานตะวันเกิดจากกระดาษแผ่นเดียวที่การทำโพลเท่านั้น

น.ส.พนิดา กล่าวว่า คิดว่าเวลานี้ยังไม่สายเกินไปที่รัฐบาลจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม สร้างทุกพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย แสดงความคิดเห็นพูดคุยถกเถียงกันได้ หากมีความผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมายอย่างเหมาะสม บทบาทหลักของนายกฯ จะต้องถือธงนำในการแก้ไขปัญหานี้ ไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งดำเนินต่อไปจนเกิดความรุนแรง

แต่ท่าทีของนายกฯ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าท่านอาจจะจำกัดพื้นที่สนทนาเรื่องนี้ให้แคบลงไปกว่าเดิม แก่อให้เกิดผลลบกว่าเดิม หากสำรวจความเห็นของประชาชนจะพบว่าเวลานี้อาจไม่ใช่แค่น.ส.ทานตะวัน ที่รู้สึกอัดอั้นตันใจ แต่มีหลายคนที่ยังมีคำถาม รวมถึงคนที่เห็นต่างจากน.ส.ทานตะวันก็ยังไม่มีพื้นที่ที่ปลอดภัย

น.ส.พนิดา กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนกังวลและอาจทำให้เหตุการณ์นี้บานปลายขึ้นคือ กระบวนการเก็บตะวัน ที่มีการโพสต์ขู่ว่าคนที่เห็นต่างอย่างเปิดเผย เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องแก้ไขอย่างมีวุฒิภาวะ มีพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงออกอย่างปลอดภัย ให้ความยุติธรรมต่อกฎหมายเดียวกัน

ขอฝากไปยังนายกฯ ไม่เพียงแค่ทบทวนปรับปรุงมาตรการการรักษาความปลอดภัย แต่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุความขัดแย้งหรือความเห็นต่างให้มีการรับฟังอย่างมีวุฒิภาวะเพื่อยุติความขัดแย้งไม่ให้บานปลายไปกว่านี้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน