ทนายอดีตพุทธะอิสระ ร้องยุบภูมิใจไทย ปมรับเงินบริจาค หจก.บุรีเจริญฯ ไม่ชอบ งัดคำวินิจฉัยยุบอนาคตใหม่ระบุชัดแหล่งที่มามิชอบ
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความของอดีตพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบการรับเงินบริจาคของพรรคภูมิใจไทย จาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีการถือหุ้นโดยไม่ชอบของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
โดยเห็นว่า อาจเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เข้าข่ายยุบพรรคภูมิใจไทย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (3)
นายธีรยุทธ กล่าวว่า การยื่นให้ กกต.ตรวจสอบพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดว่า นายศักดิ์สยามยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น และการที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวนำเงินมาบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยในปี 2565 จำนวน 6 ล้านบาท อาจเป็นเงินที่ได้มาโดยมีเจตนาลวง ซ่อนเร้นหรือนิติกรรมอำพราง ฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหมวด 9 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์มาตรา 187
จึงมีผลให้เงินบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยจำนวนดังกล่าว อาจเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 72 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรครับบริจาคเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้น ตนจึงขอให้ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการกับพรรคภูมิใจไทยโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยวางบรรทัดฐานไว้ในคำวินิจฉัยที่ 5/63 กรณียุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ว่า การกู้ยืมเงินของพรรคอนาคตใหม่มีเจตนาหลีกเลี่ยง การรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดตามมาตรา 66 เมื่อการรับบริจาคดังกล่าวต้องห้ามตามมาตรา 66 จึงเป็นการรับบริจาคเงินโดยรู้ หรือควรรู้ว่าใดมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 7
กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่าพรรคอนาคตใหม่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 และสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 กรณีพรรคอนาคตใหม่ศาลได้วินิจฉัยแหล่งที่มาของเงิน ว่าเป็นแหล่งที่มาโดยไม่ชอบ
กรณีของนายศักดิ์สยาม ที่ดำเนินการสร้างกระบวนการที่ศาลวินิจฉัยแล้วว่า มีการซ่อนเร้นปิดบังการบริจาคเงิน ทั้งที่กฎหมายวางแนวไว้ว่าห้ามนิติบุคคลใดที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับรัฐมนตรี อาจนำไปสู่การขัดกันแห่งผลประโยชน์ เพื่อรักษาไว้เพื่อความสุจริตในการบริหารราชการ
ตนจึงนำกรณีพรรคอนาคตใหม่ มาเสนอต่อ กกต.เพื่อให้ดำเนินการตรวจเทียบกับการพิจารณากรณีนายศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้การดำเนินการของ กกต.ไม่ขยายเกินไปกว่าคำวินิจฉัยของศาลจนทำให้เกิดความล่าช้า หรือต้องไปรอคำชี้แจงของหน่วยงานอื่นๆ เช่น การรับงานของ หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น เป็นการฮั้วประมูลหรือไม่ และนำเงินที่เกิดจากการกระทำความผิดนั้นมาบริจาคให้พรรคหรือไม่
ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเกิดความล่าช้า เพราะต้องไปรอคำชี้แจงจากหน่วยงานอื่น แต่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุเอาไว้แล้วว่า แหล่งที่มาของเงินที่ หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น นำมาบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เพียงพอที่ กกต.จะวินิจฉัยได้แล้ว