หมออ๋อง มาตามนัด บุกทำเนียบ ทวงกม.ค้าง 31 ฉบับ ยัน ไร้วาระซ่อนเร้น-กดดัน ชี้ไม่ได้ลํ้าอำนาจบริหาร หวังปรับปรุงการทำงานร่วม ลั่นไม่ได้ไร้เดียงสาเรื่องการเมือง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 มี.ค.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอพบตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) และทวงถามร่างกฎหมายการเงินที่ยังค้างอยู่ 31 ฉบับ

นายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้ทำหนังสือประสานมาแล้ว 2 ครั้ง ยืนยันว่าไม่ใช่การมาบุกตามที่เป็นข่าว แต่มาประชุมร่วมกันเพื่อติดตามความคืบหน้าของร่างกฎหมาย เนื่องจากไม่ทราบรายละเอียดว่าแต่ละร่างอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว จึงอยากมาขอหารือถึงการทำงานร่วมกัน

ยืนยันว่าเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมีโอกาสหารือกัน และมองว่าการที่รัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้ในรัฐสภา ทาง สลน.ก็ต้องทราบเหตุผล เพราะในบางครั้งเอกสารที่แจ้งมายังสภาฯ ไม่ได้ระบุชัดเจน

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นการรุกล้ำอำนาจฝ่ายบริหาร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มากดดันให้เขาเซ็น แต่มองว่าการทำงานร่วมกันมีเรื่องต้องปรับปรุง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้คาดหวังว่าต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะพูดคุยครั้งแรก และเข้าใจในฝั่งรัฐบาล แต่ถ้าไม่พูดคุยกันเลย และตอบโต้กันผ่านหนังสืออย่างเดียวก็จะไม่มีโอกาสปรับปรุงการทำงานร่วมกัน

เมื่อถามว่าการที่รองประธานสภาฯต้องมาเอง แสดงว่าวิปที่ประสานกับรัฐบาลทำงานไม่ตอบโจทย์ใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่วิปรัฐบาล แต่ตนมีหน้าที่ดูแลการตรากฎหมายโดยตรง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพราะแม้แต่ร่างของพรรคภูมิใจไทยเองก็ยังค้างอยู่

เมื่อถามว่าประธานสภาฯ มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ท่านยังไม่มีความเห็น เพราะการดูแลเรื่องกฎหมายเป็นหน้าที่ตน ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ปกติเพื่อช่วยให้กระบวนการนิติบัญญัติเป็นไปอย่างถูกต้อง

เมื่อถามว่าฝ่ายการเมืองมองว่านายปดิพัทธ์ ทำในนามส่วนตัวมากกว่า นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ก็มีสิทธิ์วิจารณ์ได้ แต่ตนก็ยืนยันในเจตนา เพราะมีหลายร่างกฎหมายที่ยังไม่เข้า อาทิ ร่างของครม.ที่สุดท้ายต้องใช้ร่างของสส.อุ้ม ถ้าสภาฯทำได้เพียงรอร่างของรัฐบาล ก็จะผิดหลักการสากล

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีธรรมเนียมที่รองประธานสภาฯ ต้องมาตามกฎหมายเองแบบนี้ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า แล้วไม่ดีตรงไหน ตนมองว่าทำเนียบกับสภาควรใกล้ชิดกัน ถ้าทำงานร่วมกันบ่อยๆความไม่เข้าใจกันก็จะลดลง ไม่คิดว่าต้องวางตัวห่างกัน ฝ่ายบริหารเองก็มาที่สภาฯบ่อย ถ้าสภาฯจะมาเยี่ยมฝ่ายบริหารบ้าง ก็ไม่เห็นจะผิดธรรมเนียมอะไร

“ขั้นตอนทางธุรการต้องเนี๊ยบกว่านี้ ต้องแจ้งชัดเจนว่าติดภารกิจสำคัญอะไร อย่างไร ตรงนี้ต้องมีโอกาสสะท้อนให้ฟัง ไม่ใช่ตอบโต้ผ่านสื่อ ต้องมีเวทีหารือแก้ไขปัญหาร่วมกัน และเรื่องกฎหมาย แน่นอนว่าผมไม่ได้ไร้เดียงสา เรื่องจังหวะการเมืองที่จะทำให้ร่างกฎหมายไหนเข้าพิจารณาหรือไม่ แต่อย่างน้อยต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมาว่าติดเรื่องอะไร” นายปดิพัทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไรใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มี รีบคุยรีบกลับ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยมองว่าไม่มีมารยาททางการเมืองนั้น ตนขอถามกลับว่าการมาคุยเพื่อทำงานร่วมกันเป็นเรื่องผิดมารยาทตรงไหน ตนเข้ามาปิดทำเนียบฯ หรือมาไม่สุภาพ ยืนยันว่ามาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ และขอความร่วมมือเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน