“ภคมน” เผย สัปดาห์หน้ารู้ผลขุนพล-ระยะเวลาซักฟอกรบ. เหน็บ 6 เดือนที่ผ่านมาไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม อัด ไม่ใช่หน้าที่ฝ่ายค้านต้องมาพิสูจน์การทำงาน แต่เป็นของรบ.ต่างหาก เผย อภิปรายงบฯ 67 ถือเป็นเวทีแจงปชช.-สางความเข้าใจผิด

 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.)
ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ของทางพรรค ว่า การเตรียมอภิปรายนั้น หากมี ส.ส. ยื่นแปรญัตติไว้ก็สามารถอภิปรายได้เลย โดย ส.ส. ที่นั่งในคณะอนุกรรมาธิการฯ ก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้ ส.ส. ที่ไม่ได้มีหน้าที่ในส่วนนี้ ในการเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ หากใครสนใจข้อมูลส่วนไหน ก็สามารถหยิบข้อมูลไปอภิปรายได้ แม้จะไม่มีการเตรียมผู้อภิปรายเหมือนอย่างการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ในวาระแรก แต่เรายังคงทำงานกันเป็นทีมเวิร์คเช่นเดิม ส่วน ส.ส. คนไหนที่นั่งในคณะอนุฯ ก็จะเป็นผู้อภิปรายโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ทางพรรค ก.ก. มี ส.ส.แปรญัตติกันจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าจะอภิปรายตามที่แปรญัตติไว้หรือไม่ ซึ่งหากอภิปรายตามที่แปรญัตติไว้แต่เป็นข้อมูลซ้ำกัน ก็อาจจะไม่เป็นประโยชน์ ซึ่งเรามีระยะเวลาในการอภิปรายแค่สองวัน จึงต้องคำนึงถึงเนื้อหาเป็นหลักมากกว่าการได้พูด

 

ส่วนการแบ่งเวลาอภิปรายนั้น น.ส.ภคมน กล่าวว่า การอภิปรายในวาระสอง จะเหมือนกับการอภิปรายรายงานญัตติทั่วไป คืออภิปรายได้คนละ 7 นาที แต่หนึ่งคนสามารถอภิปรายได้หลายมาตรา อยู่ที่ว่าใครสนใจกี่หน่วยงานกี่กระทรวง ทั้งนี้ การอภิปรายในวาระสอง เราไม่ได้เน้นหน่วยงานไหนเป็นหลัก หากเรารู้สึกว่าหน่วยงานไหนผิดสังเกต แม้บางงบประมาณจะผ่านที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) และคณะอนุกรรมาธิการฯ มาแล้วก็ตาม ซึ่งการอภิปรายในวาระสอง คือเวทีที่จะสื่อสารให้ประชาชนทราบ ถึงการทำงานตลอด 2 เดือนของคณะ กมธ. และคณะอนุกรรมธิการฯ ว่า เพราะยังมีความพยายามสื่อสารให้เข้าใจผิด ถึงการไม่สนับสนุนงบฯ ในส่วนนั้นส่วนนี้

 

เมื่อถามถึงกรณีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในส่วนของพรรค ก.ก. จะมีการหารือแบ่งสัดส่วนจัดขุนพลการอภิปรายอย่างไรบ้าง น.ส.ภคมน กล่าวว่า ยังคงอยู่ในกระบวนการคัดเลือกผู้ที่จะมาอภิปรายโดยเบื้องต้นมี ส.ส. สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการคัดเลือกผู้อภิปรายในรอบนี้ จะมีความเข้มข้นและมีขั้นตอนการคัดเลือกที่มากกว่าการอภิปรายครั้งอื่น คาดว่าน่าจะทราบผลในสัปดาห์หน้าว่าจะมีใครเป็นผู้อภิปรายบ้าง รวมถึงระยะเวลาในการอภิปราย

 

เมื่อถามถึงเนื้อหาว่ามีความเข้มข้นเพียงใด จะชำแหละเรื่องใดเป็นพิเศษอีกหรือไม่ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากพูดด้วยใจอยากเป็นธรรมที่สุดในระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ารัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่มีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย ดังนั้นการอภิปรายในรอบนี้ ก็คงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล อย่างน้อยก็เทียบจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล ว่าในวันนี้นโยบายที่เคยแถลงเกิดขึ้นจริงแล้วหรือไม่ หรือกระทั่งนโยบายที่รัฐบาลบอกว่าเร่งด่วน หากพูดกันอย่างแฟร์ๆ มันคงไม่ช้าเกินไปหากมีการดำเนินการ และได้เห็นสิ่งนั้นเป็นรูปธรรมแล้ว

แต่วันนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังคงไม่เห็น และยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ถูกพูดถึง และอาจจะหายไปเลย การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นเตือนและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐ แม่ทัพพรรค ก.ก. จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีผู้อภิปรายกี่คน มีระยะเวลาเท่าไหร่ แต่มั่นใจได้ว่าการอภิปราย ม.152 จะเป็นการอภิปรายที่ไม่เลื่อนลอย ทุกอย่างต้องมีน้ำหนักมากพอ และจะเป็นการยืนยันกับประชาชน ว่าขณะที่รัฐบาลย้ำเสมอว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง มันย้อนแย้งกันมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ ตนขอให้ประชาชนติดตามบทบาทของฝ่ายค้านที่แม้อาจจะมีการทำหน้าที่ของ ส.ส.หน้าใหม่ร่วมอยู่ด้วย แต่มั่นใจได้ว่า งานที่จะออกมาก็ไม่ใช่งานที่ใหม่และไร้ประสบการณ์

 

โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีส่วนไหนเลยที่เราออมมือ หรือการที่เราไปเชียงใหม่นั้นเพื่อเป็นการไปเกี้ยเซียะกับใคร เหตุการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ในสองวันที่ผ่านมา พูดได้เลยว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่วัดอุณหภูมิทางการเมืองสูงมากตลอดสองวันที่ผ่านมา และวันนี้พรรคก้าวไกลแทบจะไม่ต้องอภิปรายอะไร ภาพที่เกิดขึ้นสิ่งที่เห็น มันชัดเจนแล้วว่าใครจริงใจกับประชาชนมากกว่ากัน ใครพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่ากันสิ่งหนึ่ง

“ที่เรารู้สึกว่าการเป็นรัฐบาลคุณจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ถ้าคุณไม่พูดถึงต้นตอของปัญหา คุณจะกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้อย่างไรถ้าคุณไม่พูดถึงปัญหาฝุ่นพิษ หากย้อนไปในช่วงที่นายกฯ ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ หากเราจะกระตุ้นการท่องเที่ยวในสามจังหวัด แต่คุณไม่พูดถึงความมั่นคงของพื้นที่นั้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และประชาชนได้ลงมติให้รัฐบาลไปแล้ว ความหนักใจหรือหน้าที่ในการพิสูจน์ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายค้านหรือพรรคก้าวไกล แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต่างหาก” นส.ภคมน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน