เอกนัฏ ป้อง ‘พีระพันธุ์’ ไม่ได้ยึดติดแม้กระทรวงได้งบน้อย ชี้หากต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องรื้อกติกา แจงผลิตพลังงานสะอาดในพื้นที่ห่างไกล แค่อำนวยความสะดวกประชาชน

วันที่ 21 มี.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่สอง พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงินงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 เรียงตามมาตรา

หลังจากสส.พรรคก้าวไกล อภิปรายมาตรา 18 กระทรวงพลังงาน โดยระบุเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด 1,856 ล้านบาท แต่อาจจะมีคนปล่อยให้เกิดการทุจริตมากที่สุด รวมถึงมีการซุกงบเกินครึ่งให้โครงการสร้างเขื่อนขนาดเล็ก-โซลาร์ลอยน้ำ ทำประชาชนเสียผลประโยชน์

ต่อมาเวลา 14.15 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ชี้แจงว่า ยืนยันว่ากมธ.ไม่ได้มีอำนาจไปออกกฎเกณฑ์เรื่องการก่อสร้างเขื่อนขนาดเล็ก แต่ทั้งหมดมีข้อซักถาม เราก็ตั้งข้อสังเกตไปที่หน่วยงานเช่นเดียวกัน

ตนทราบดีว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ตระหนักดีถึงการทำงานในกระทรวงพลังงาน ก็ไม่ยึดติดว่ากระทรวงนี้ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด แต่เป็นภารกิจในการกำกับดูแล หากต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องรื้อกฎเกณฑ์กติกา รื้อระบบ และรมว.พลังงานก็ทำตลอด ตรงกับที่มีการนำเสนอว่ามีหลายเรื่องที่ไม่ต้องใช้เงินแก้ปัญหา แต่สามารถใช้แนวทางอื่น

อย่างการแก้ระเบียบกติกาให้เหมาะสมในการแก้ปัญหาได้ การผลิตพลังงานสะอาดหมุนเวียนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งวัตถุประสงค์หลักในการสร้าง คือการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และเป็นการหาพลังงานราคาถูก เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตของประชาชนที่มีฐานะไม่ดี ไม่ได้มองว่าเป็นการจ่ายเงินซ้ำซ้อน

หลายโครงการมีวัตถุประสงค์ที่ดี เราได้เรียกหน่วยงานมาทบทวนหลายโครงการ หากดำเนินการภายในปีนี้ไม่ได้ หรือไม่มีความจำเป็น เราก็ขอปรับลดงบประมาณ

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นตาม กมธ.เสียงข้างมาก ด้วยคะแนนเสียง 278 ต่อ 161

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน