สว.สถิตย์ จี้รัฐบาล กระจายรายได้ท้องถิ่น ผลักดันเกษตรอัจฉริยะ ชี้เศรษฐกิจต้องเติบโตทั่วถึงทุกภูมิภาค ย้ำซอฟต์พาวเวอร์ ต้องชูความเป็นไทย

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา พิจารณาการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153

จากนั้นเวลา 10.15 น. นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สว. อภิปรายว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีนั้น ต้องเติบโตอย่างทั่วถึง ต้องลดความเหลื่อมล้ำทั้งทางรายได้และทางรายจ่าย มีคำกล่าวว่าเมืองไทยคือกรุงเทพฯ ทุกอย่างเจริญอยู่ที่กรุงเทพฯ

ขณะนี้ 15 จังหวัดเศรษฐกิจหลักครอบคลุม 70 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี แต่ 61 จังหวัดที่เหลือมีส่วนแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ที่เห็นได้ชัด

ฉะนั้น ที่รัฐบาลประกาศว่า จะพัฒนาพื้นที่และเมืองให้เกิดการกระจายความเจริญและกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาค จะทำได้อย่างไร รวมถึงมีแผนที่ชัดเจนในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาคได้อย่างไร หรือทำอะไรไปแล้วในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีการประกาศเอาไว้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว

นายสถิตย์ กล่าวว่า การกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การกระจายทางการคลัง ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ระหว่างรัฐบาลกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตามแผนกระจายอำนาจให้ได้ 35 เปอร์เซ็นต์

ใน 10 ปีที่ผ่านมามีงบอุดหนุนรวมอยู่เพียงแค่ 29 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะกระจายอำนาจ เพื่อสร้างประสิทธิภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ คำถามคือ จะจัดสรรรายได้ท้องถิ่นให้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่

ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ต้องเกิดจากเศรษฐกิจข้างล่าง ไหลขึ้นข้างบน ซึ่งมีเศรษฐกิจที่สำคัญคือภาคเกษตรกร และเอสเอ็มอี แต่ประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตในภาคเกษตรด้อยกว่าประเทศอื่น

คำถามคือรัฐบาลจะผลักดันนำเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาคการเกษตรได้อย่างไร รวมถึงขณะนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบกการเอสเอ็มอีปรับตัวลดลง รัฐบาลจะมีแนวทางที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ประกอบการได้อย่างไร

นายสถิตย์ กล่าวอีกว่า นโยบายเรือธงที่ของรัฐบาล คือ ซอฟต์พาวเวอร์ ที่แบ่งออกเป็น 11 สาขางบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ขณะนี้งบประมาณก็ยังไม่ได้นำไปสู่ผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม แม้จะมีการใช้งบประมาณกลางไปพลางก่อนนั้น ซึ่งตนหวังว่าหากงบปี 2567 ผ่านแล้วจะมีการผลักดันในเป็นรูปธรรมต่อไป

“การดำเนินการของซอฟต์พาวเวอร์ ต้องมุ่งเน้นไปที่ความเป็นไทย ส่วนเรื่อง 11 สาขาเป็นแค่องค์ประกอบ และไม่ต้องจำเป็นต้องบอกว่าอันใดอันหนึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ เพราะเป็นเรื่องที่รู้อยู่ในตัว แต่ที่สำคัญต้องให้รับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือความเป็นไทย” นายสถิตย์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน