ธรรมนัส ประกาศทำสงคราม หมูเถื่อน เอาผิดแล้ว 220 คดี เผยมีมากกว่า 400 คดี “ป.ป.ง.” หนุนเอาผิดทางแพ่งให้หมดตัว ขู่ ฟันเจ้าหน้าที่รัฐ เอี่ยวทุจริต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พ.อ.รวิรักษ์ สัตตบุสย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช, นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง,
นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และพล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมแถลงข่าว ประกาศนโยบายทำสงครามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและภาคการเกษตรของประเทศ
โดยร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบว่ามีการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนหมูเถื่อนมากับสินค้าประมง และพบความผิดมากกว่า 220 คดี จากการปลอมแปลงเอกสารขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมง แต่กลับนำสินค้าประเภทเนื้อหมู จำนวน 1,800,000 กิโลกรัม เนื้อวัว 4,000,000 กิโลกรัม สร้างมูลค่าความเสียหาย 1,400 ล้านบาท ต่อภาคการเกษตร
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ไปยื่นดำเนินคดีกับบริษัทนำเข้า ซึ่งพบว่ามีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารเพิ่มขึ้นสองเท่า มีมูลค่าความเสียหายเกือบ 3,000 ล้านบาท
ด้านอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้า ส่งออก สินค้าประมงผิดกฎหมาย มีทั้งนักกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสาร และผู้เชี่ยวชาญปศุสัตว์ เราได้แจ้งความที่กรมสอบสวนกลางกับ 3 บริษัทผู้นำเข้า
โดยพบความผิดปกติว่าบางบริษัทใช้ใบรับรองสุขอนามัยสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากประเทศบราซิล มาปลอมแปลงข้อมูลให้เป็นใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำ ยื่นขอตรวจที่ด่านชลบุรี ซึ่งเมื่อตรวจสอบไปยังต้นทางได้รับการยืนยันว่า เป็นเอกสารปลอม
ทั้งนี้ กรมประมงได้แจ้งความต่อตำรวจสอบสวนกลางให้ดำเนินคดี 4 ข้อกล่าวหา คือ 1.ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารมาตรา 264 2.ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมมาตรา 268 3.ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่มาตรา 137 และ 4.พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14
“จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว นำข้อมูลพยานหลักฐานข้อเท็จจริงมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน เพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม” อธิบดีกรมประมง กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า มีบริษัทนำเข้า 3-5 ราย นำใบรับรองสุขาอนามัยสัตว์ (Health certificate) เอกสารปลอมกระทรวงเกษตรฯ และกรมสอบส่วนกลาง ยืนยันว่าใบที่แสดงไม่ได้ออกจากต้นทาง มูลเหตุจูงใจเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และหลีกเลี่ยงการกักกันโรค ที่กำลังทำการสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มนายทุน ที่อยู่เบื้องหลัง
ด้าน รองเลขา ป.ป.ง. เปิดเผยว่า เราได้รับคำสั่งให้สนับสนุนการปฏิบัติการของกระทรวงเกษตรฯ ในการใช้กฎหมาย นอกจากคดีอาญา ความผิดทางการเงิน ป.ป.ง. จะดำเนินการในทางแพ่ง นอกจากจะติดคุก จะหมดตัวด้วย
ขณะที่ พ.อ.รวิรักษ์ ย้ำว่า เรื่องนี้ยังไม่จบเท่านี้ เพราะจะมีผู้ประกอบการที่จะถูกดำเนินคดีอีก 9 บริษัท และคดีมีมากกว่า 400 คดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลชุดนี้เป็นตัวเดียวกับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังทำอยู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นชุดเดียวกัน แต่ในส่วนของกรมประมง และหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เราป้องกันการนำเข้าสินค้าประมงผิดกฎหมายที่นำมาขยายต่อ
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเดียวกัน แต่จะเพิ่มอีก 5 บริษัท ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ที่ดีเอสไอดำเนินคดีกับผู้นำเข้าตู้คอนเทนเนอร์ โดยเราพบหลักฐานว่า สามารถดำเนินคดีได้ 220 คดี และเพิ่มอีก 400 กว่าคดี มีความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อภาคการเกษตรไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท หรืออาจจะมีมูลค่าถึง 10,000 ล้านบาท
เมื่อถามว่าคดีมีจำนวนเยอะแบบนี้ จะต้องประสานกับดีเอสไอในการดำเนินคดีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบคดีนี้โดยตรง กว่า 3 เดือนที่ผ่านมา เราทำงานเชิงรับกันมาตลอด และกรมสอบสวนกลางจะเป็นเจ้าภาพหลักในการติดตามคดีทั้งหมด
“ทั้งนี้ ในอนาคตจะประสานให้ดีเอสไอมาช่วยรับผิดชอบถ้าเกี่ยวข้องกับคดีเก่าๆ ย้ำว่าไม่ใช่ว่าเราไม่ไว้ใจการทำงานของดีเอสไอ แต่เป็นการทำงานที่ต้องช่วยกัน เพราะในหลายคดีก็ทำงานรวดเร็ว แต่คดีที่สร้างความเสียหายต่อภาคการเกษตร มีความจำเป็นที่ต้องทำงานใกล้ชิดอย่างละเอียด โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนดำเนินคดีแล้ว” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ด้าน พ.อ.รวิรักษ์ กล่าวเสริมว่า คดีกว่า 200 คดี หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ร.อ.ธรรมนัส ได้มอบนโยบายกับอธิบดีกรมประมง และอธิบดีกรมปศุสัตว์ให้สามารถดำเนินคดีได้เลย ซึ่งตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนสอบสวนเรื่องนี้โดยเฉพาะแล้ว
เมื่อถามว่าคดีนี้จะมีตอหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า เราทำงานตามหน้าที่เพื่อตอบสังคมว่ากำลังทำอะไรอยู่ แม้จะเจออุปสรรค แต่นายกฯ ได้กำชับให้เดินหน้าเต็มที่ ตนไม่ต้องการจะพูดคำว่าโค่น แต่ต้องทำลายวงจรอุบาทว์นี้ให้ได้ และหากพบว่าบริษัทนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินคดีเช่นกัน
