ธรรมนัส เดือด! คำพูด สว.อภิปราย ‘นี่คือยางพารา ไม่ใช่แป้ง’ ซัดเป็นประโยคทิ่มตำ สวนกลับเป็นเครือญาติสว. ลั่นชุดพญานาคราชไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม พิจารณาการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153

เวลา 12.25 น. นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว. อภิปรายถึงการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจพญานาคราช ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีการยึดยางพาราโดยมิชอบ 600 ตัน มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท ของชาวบ้านที่อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพราะสงสัยที่มาของยาง 29 ตัน แต่ผ่านมา 1 เดือนก็ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ผ่านมา 6 เดือน แม้ชาวบ้านจะนำหลักฐานมาแสดงก็ไม่ถอนอายัด จนยางก้อนเสียหาย จากยางสีขาว กลายเป็นสีดำ

นพ.พลเดช กล่าวว่า นอกจากนี้ยังทราบว่า มีทีมงานอีกหนึ่งชุด คือทีมเจอจ่ายจบ ไม่จ่ายเป็นเจ็บ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าพวกสัมภเวสี ได้เชิญผู้ประกอบการไปคุย และเรียกรับกล้วย 1 กิโลกรัมจากผู้ร้องทุกข์ด้วย ซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชน เพราะที่นี่มันเป็นยางพารา ไม่ใช่ก้อนถ่าน ไม่ใช่ผงฝุ่น ไม่ใช่ธุลีดิน

“ฝากถึงนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าพรรค รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ขอจงบำบัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนและชาติบ้านเมืองของเราด้วยเทอญ เพราะนี่ คือยางพารา ไม่ใช่แป้ง” นพ.พลเดช กล่าว

จากนั้นร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลุกขึ้นชี้แจงหลังถูกอภิปรายพาดพิงว่า เคยประกาศไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งว่าจะทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภท และเคยพร่ำสอนให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่าหลงมัวเมากับอำนาจวาสนาและทรัพย์สินเงินทอง

หลายท่านก่อนเข้ามาเป็นส.ว.เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ตนรู้สึกศรัทธาในตรงนี้ แต่เมื่อได้ฟัง นพ.พลเดช พูดทำให้ตนรู้สึกในทางที่ไม่ค่อยจะดี ทุกคำพูดโดยเฉพาะคำพูดสุดท้าย ท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง แต่ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทิ่มตำตน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ตนไม่สามารถย้อนกลับอดีตได้ แต่เลือกที่จะทำเพื่อบ้านเมือง และที่ตั้งคำถามว่าประชาชนชาวสังขละบุรีเดือดร้อน ขอถามกลับว่าคนไหน เพราะประชาชนร้องว่ายางพาราส่งกลิ่นเหม็นกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทราบว่าผู้ประกอบการที่มาร้องคือ เครือญาติของพวกท่าน

ท่านบอกว่ากระทรวงเกษตรฯ โดยชุดพญานาคราชมีการเรียกรับผลประโยชน์ ท่านเป็นผู้ใหญ่ อีกไม่กี่วันจะเกษียณแล้ว ขอให้ช่วยชี้แจงว่าเป็นบุคคลใด ที่ตนแต่งตั้งเป็นผู้ปราบปรามสินค้าเถื่อนแล้วเรียกรับผลประโยชน์ ขออย่ากล่าวหาแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน เมื่อกล้าเปิดหน้าแล้ว ต้องพูดให้สุดว่ามันผู้นั้นคือใคร ที่บังอาจเรียกรับผลประโยชน์

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า กรณีตนลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เพราะได้รับร้องเรียนว่ามีกลุ่มพ่อค้าหัวใสไปปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าแรงถูกต้นทุนการผลิตต่ำ และลักลอบนำมาขายในประเทศยืนยันรัฐบาลจริงจังใแก้ไขปัญหายางพารา ส่งผลให้น้ำยางสดราคาพุ่งสูงถึงกว่ากิโลกรัมละ 90 บาท ยางรมควันเกือบ 3 หลัก ยืนยันไม่มีบัญชีนายบัญชีลูกน้อง

รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าการทำงานย่อมกระทบกับผู้เสียผลประโยชน์ซึ่งไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มนายทุนและพ่อค้าหัวใส ที่ทำมาหากินบนความยากลำบากของประชาชนทั่วประเทศ และหลังจากนี้ตนจะไปสืบหาว่า บริษัทที่ได้รับผลประโยชน์เป็นบริษัทเครือญาติของใคร และจะแถลงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ และประชาชนจะตัดสินใจเองว่าการบริหารนของตนในฐานะรมว.เกษตรฯ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตอบโจทย์พี่น้องประชาชนอย่างไร

“ชุดพญานครราชทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง ไม่ใช่ทำงานเฉพาะสายการเมือง มีทั้งอัยการสูงสุด ปปง.ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน การมาปรักปรำกล่าวหาโดยไม่มีรายละเอียด ผมมองว่าไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่ตั้งไจทำงานให้กับชาติบ้านเมือง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน