ศาลยกฟ้อง ชวน หมิ่น ‘ทักษิณ’ พูดถึงโจรกระจอก ศาลชี้ในฐานะนักการเมือง มีสิทธิ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมา รอดูรัฐบาลเศรษฐา จะดับไฟอย่างไร
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 มี.ค.2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ สาธร นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคและนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ในฐานะทนายความนายชวน และสมาชิกพรรค รวมทั้งคนในแวดวงการเมืองมาให้กำลังใจ อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ และนางผ่องศรี ธาราภูมิ
โดยเดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ที่นัดฟังคำพิพากษา คดีอาญาที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฟ้อง นายชวน ข้อหาหมิ่นประมาท กรณี นายชวน ได้บรรยายที่โรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ.2555 โดยกล่าวถึงนโยบายการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ และมีคำพูดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด
คดีดังกล่าว เป็นคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1590/2565 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชวน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326,328
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดรูปว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2555 จำเลยหมิ่นประมาท นายทักษิณ ระหว่างการบรรยายในงานเปิดงานโรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมรามาดาพลาซ่า แม่น้ำริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร โดยมีข้อความเป็นการใส่ความผู้เสียหายทำนองว่า
“รูปแบบการปกครองทุกอย่างต้องพัฒนาไปข้างหน้า แต่ต้องยอมรับว่ารูปแบบการปกครอง ของประเทศไทยให้โอกาสมาก บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เราต้องทำ คนไทยมีศักยภาพ แต่เรามีจุดอ่อนที่นักการเมืองโกง ซึ่งมาจากธุรกิจการเมืองและอุปสรรคของประชาธิปไตย คือ การยึดอำนาจระบอบประชาธิปไตย อำนาจประชาธิปไตยจะใช้ผ่านองค์กร สถาบันทั้งนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ โดยมีการคานอำนาจกันและกัน
แต่เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาจึงเกิด องค์กรอิสระขึ้นมา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เมื่อระบบทักษิณเกิดขึ้น ก็ใช้วิธีการนอกกฎหมาย
สําหรับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน เป็นเพราะนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ให้หมดภายใน 3 เดือนนั้น ทั้งที่ขณะนั้นไฟใต้มอดแล้วในสมัยที่ตนเป็น นายกฯ แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีกลับใช้คำว่า โจรกระจอก และมียกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) หันมาใช้นโยบาย ฆ่าหมดก็จบตรงนี้ คือที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้”
Advertisement
หลังเข้าฟังคำพิพากษา 1 ชั่วโมง นายชวน ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่าคำวิพากษ์วิจารณ์โดยตน ในฐานะจำเลย ที่เป็นนักการเมือง และอดีตนายกฯ มีสิทธิ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ประสบมา เนื่องจากในสำนวนได้สืบพยานที่มาของคำพูด เช่น ฆ่าตัดตอน การฆ่าทิ้ง
โดยมีอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 มาเบิกความให้ เพราะเป็นคนเดียวที่ร่วมประชุมรับมอบนโยบาย เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2544 สมัยที่ นายทักษิณ เป็นนายกฯ อันเกิดจากเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่วันที่ 7 เม.ย. 2544 และวันที่ 8 เม.ย. 2544 มีการพูดว่าคนร้าย มีไม่เกิน 7-8 คน ที่เป็นหัวโจกจัดการเดือนละ 10 คน 2 เดือนก็หมด เชื่อว่าตำรวจทำได้
นายชวน กล่าวว่า ถือว่ารองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นอีกบุคคลที่กล้ามาเบิกความ และเป็นคนเดียวในวันดังกล่าวที่กล้าติงในทำนองที่ไม่เห็นด้วย ได้บันทึกถ้อยคำเอาไว้ หากเชื่อ ภาคใต้เราคงไม่นองเลือดแบบทุกวันนี้ แต่ผลจากวันนั้นเป็นที่มาของ 4 ม.ค.2547 ที่มีการปล้นปืน กว่า 400 กระบอก ซึ่งเป็นเหตุร้ายจนนำมาสู่การมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากรวมถึง ผู้พิพากษา รวมแล้วกว่า 7,500 คน ซึ่งเป็นผลจากความผิดพลาดของนโยบาย ซึ่งนายทักษิณเคยยอมรับว่าผิดพลาด
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าตนในฐานะนักการเมืองและมีประสบการณ์ ในสำนวนปรากฏว่าตนได้ไปเห็นด้วยตัวเอง และเรื่องนี้ได้สืบพยานทั้งหมด ศาลเห็นว่าจากประสบการณ์จำเลย จึงมีสิทธิ์วิจารณ์ได้
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้างเนื่องจากคดีนี้ยาวนาน นายชวนกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือความจริง ตนไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังความจริงจากผู้ที่มีส่วนร่วมประชุมในวันนั้น และเป็นคนเดียวที่กล้าติง คือรองแม่ทัพภาค 4 ตนอยากให้จดจำบุคคลนี้เอาไว้ และขณะนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ คือพล.ท.เรวัตร รัตนผ่องใส
ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่ามีการรื้อคดีความก่อนหมดอายุนั้น นายชวน กล่าวว่าตนไม่อยากให้ขาดอายุความ เพราะคดีมีการดำเนินการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะโดนตำหนิได้ จึงต้องการให้สืบพยานให้จบ เพื่อคดีจะได้จบ และยุติโดยศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ
เมื่อถามว่าประเด็นนี้จะนำไปสู่ปัญหาไฟใต้อีกครั้งหนึ่งหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความผิดพลาดของนโยบาย เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2544 นำมาซึ่งความสูญเสียมาก แต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จะไปไกลขนาดไหน ต้องรอดูว่าเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 40 กว่าครั้ง ก็มองว่าคงไม่ธรรมดา
