ฝ่ายค้าน ส่อไม่ร่วมถก วิป 3 ฝ่าย ยืนกราน ต้องได้เวลาซักฟอก 22 ชั่วโมง โวยรัฐบาลเสนอเองตั้งแต่แรก ดักคออย่าใช้เสียงข้างมากลากไป ชี้ไม่สง่างาม

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นัดประชุมวิป 3 ฝ่าย

เพื่อตกลงกรอบเวลาการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ใหม่ โดยลดเวลาของฝ่ายค้านจาก 22 ชั่วโมง เหลือ 18 ชั่วโมง และเพิ่มให้รัฐบาล จาก 6 ชั่วโมง เป็น 10 ชั่วโมง

โดยนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ฝ่ายค้านยังหารือกันอยู่ว่า จะไปร่วมประชุมตกลงกรอบเวลาดังกล่าวหรือไม่ เพราะขณะนี้ทุกคนอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมสำหรับการอภิปรายทั่วไป ซึ่งการตกลงให้เวลาฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง และครม. 6 ชั่วโมงนั้น ฝ่ายรัฐบาลเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้เอง ตนไม่ได้ขอเพิ่ม

ทั้งนี้ หากถามว่าจะปรับเปลี่ยนกรอบเวลาใหม่ได้หรือไม่ ต้องบอกว่าเปลี่ยนได้ แต่จะมาเปลี่ยนข้อตกลง 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการอภิปราย ซึ่งฝ่ายค้านได้เตรียมการและเตรียมผู้อภิปรายกันมาหมดแล้ว 22 ชั่วโมง จู่ๆ จะมาตัดเวลาในการอภิปรายของฝ่ายค้านออก 4 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมงก่อนการอภิปราย ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม และไม่มีความชอบธรรม

ความจริงตนต้องขอเรียกร้องไปยังประธานด้วยว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น และประธานก็ควรต้องวางตัวเป็นกลางว่า การเปลี่ยนข้อตกลงก่อน 1 ชั่วโมงที่จะมีการพิจารณาจริง ซึ่งกรอบเวลาเป็นข้อตกลงร่วมทุกฝ่าย เป็นธรรมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและฝ่ายค้านหรือไม่

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า กรณีที่ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อความเป็นธรรม เพื่อให้รัฐบาลมีเวลาในการชี้แจงได้ครบถ้วน หากคำนึงถึงความเป็นธรรม ก็ต้องถามกลับไปว่า การตัดเวลาของฝ่ายค้านลงไป 4 ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่า 1 ใน 5 ของเวลาที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก เป็นธรรมกับฝ่ายค้านหรือไม่ และฝ่ายรัฐบาลเป็นคนเสนอเวลามาเอง








Advertisement

ตนขอย้ำว่าในที่ประชุมวันนั้น ตนยังถามฝ่ายรัฐบาลคนหนึ่งอย่างไม่เป็นทางการด้วยซ้ำว่า ระยะเวลา 6 ชั่วโมงในการชี้แจงพอจริงหรือ และในเมื่อทางรัฐบาลยืนยันว่าพอ ทางฝ่ายค้านก็ตกลงไปตามนั้น แต่การจะมาเพิ่งคิดได้ทีหลังว่าอาจจะไม่พอ ตนก็ยินดีเพิ่มเวลาให้ โดยเลิกประชุมดึกกว่าเดิม ทั้ง 2 วันก็ได้ ตนไม่มีปัญหา และฝ่ายค้านก็อยากจะได้คำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลเช่นกัน

แต่จะมาตัดเวลาฝ่ายค้าน แล้วมาตกลงกัน 1 ชั่วโมงก่อนที่จะอภิปรายนั้น ตนคิดว่าทำไม่ได้ จึงขอยืนยันเวลาของฝ่ายค้านที่ 22 ชั่วโมง เนื่องจากได้มีการจัดสรรเวลากับพรรคร่วมฝ่ายค้านกันแล้ว

เมื่อถามว่าหากตกลงกันไม่ได้ แล้วรัฐบาลใช้เสียงข้างมากในการลงมติเรื่องกรอบเวลา จะทำอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องเจรจากันก่อนอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่า หากลงมติกัน ไม่มีวันที่ฝ่ายค้านจะชนะ และขอให้จับตาดูว่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่เวทีตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านที่มีอยู่เพียงไม่กี่เวที จะมาใช้เสียงข้างมากลากไป เพื่อจะเปลี่ยนจำนวนเวลาในการอภิปราย

คิดว่าประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยในระบบรัฐสภาไม่เคยมีแบบนี้ ถ้ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะมาปิดกั้น ขัดขวางระบบการตรวจสอบของรัฐสภาแบบนี้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั้น ไม่สง่างามเลย

เมื่อถามว่าจะมีการเตรียมตั้งรับอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คงต้องมีการเจรจากัน และอาจจะต้องมีการพูดคุยเจรจากันในห้องประชุมใหญ่ ก่อนที่จะเริ่มอภิปรายว่าตกลงจะเอาอย่างไร แต่การคุยตอนเช้าก่อนประชุมนั้น ตนคงไม่สะดวกที่จะเข้าร่วม แต่เราก็มีวิปฝ่ายค้านหลายคน ซึ่งยังคงประเมินกันอยู่

“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในวันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) หากฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย ก็อยากให้สาธารณชนได้ทราบไว้ก่อนว่า เอกสารใดๆ ที่ออกมา ไม่มีส่วนร่วมของทางฝ่ายค้าน และเป็นการพูดคุยตกลงกันเองของฝ่ายรัฐบาล ที่จะขัดขวางการตรวจสอบของฝ่ายค้าน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน