พิชัย หนุนนายกฯ จี้แบงก์ชาติเร่งลดดอกเบี้ย ชี้ไทยลดช้าจะเสียเปรียบ สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สร้างรายได้เป็นแสนล้าน นำรายได้ส่งเด็กไทยไปเรียนนอกเหมือนยุค “ทักษิณ”
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษานายกฯ กล่าวว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ตนขอสนับสนุนแนวทางของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ที่อยากเห็น กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เพราะเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำมากตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปีนี้ก็จะไม่ดีเช่นกัน
การขยายตัวน่าจะแย่กว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เงินเฟ้อของไทยติดลบมา 5 เดือนติดกันแล้ว และอาจจะติดลบอีกเป็นเดือนที่ 6 นอกจากนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว และธนาคารกลางของอังกฤษและ เยอรมัน ก็กำลังจะลดดอกเบี้ยตาม ส่วนจีนลดไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้ประกาศแล้วว่า คาดว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะลดเมื่อไหร่ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ถ้าไทยลดก่อนจะได้เปรียบก่อน
นายพิชัย กล่าวว่า การที่ ธปท.อ้างว่านโยบายทางการเงินไม่ได้เป็นยารักษาโรคเฉพาะทางนั้น อาจจะถูกบางส่วนและไม่ถูกบางส่วน ปัญหาเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจของไทยเกิดขึ้นแทบทุกด้าน ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง เงินเฟ้อติดลบมา 5 เดือน การส่งออกที่ขยายตัวได้น้อย การลงทุนที่หดหาย สภาพคล่องในระบบที่ลดลง
เรื่องเหล่านี้นโยบายทางการเงินสามารถช่วยได้อย่างมาก โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ย การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ซึ่ง ธปท.น่าจะทราบดีอยู่แล้ว อย่าให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสนเหมือนรัฐบาลบังคับให้ ธปท.ออกยาเฉพาะทาง ทั้งที่ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายด้านเหมือนร่างกายที่ทรุดโทรมต้องการการฟื้นฟูทั้งระบบ ธปท.จำเป็นต้องช่วยกันแก้ไขเหมือนเป็นการรักษาร่างกายโดยรวม
นายพิชัย กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้พยายามพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นในโครงการขนาดใหญ่ เช่น การเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้าระบบเศรษฐกิจไทยปีละเป็นล้านล้านบาท โครงการแลนด์บริดจ์ที่เป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั้งโลกในปัจจุบัน และล่าสุดการดำเนินการโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ทำต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว จะทำรายได้เข้ารัฐได้เป็นจำนวนมาก ปีหนึ่งน่าจะเป็นแสนล้านบาท
จากตัวอย่างในมาเก๊าที่มีรายได้เข้ารัฐปีละกว่า 4 แสนล้านบาท หรือในสิงคโปร์ที่มีรายได้เข้ารัฐปีละกว่า 7 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นทุกปี หากประเทศไทยตัดสินใจดำเนินการ รายได้น่าจะต้องได้เป็นแสนล้านบาท และจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก และจะมีการจ้างงานคนไทยอีกหลายหมื่นคนในอัตราเงินเดือนที่สูง
“หากไม่หลอกตัวเองเพื่อนบ้านของไทยมีบ่อนกาสิโนกันหมดแล้ว และบริเวณชายแดนไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านก็มีบ่อนกาสิโนเป็นจำนวนมาก และคนไทยก็เดินทางข้ามไปเล่นพนันกันมาก แต่ละปีมีเงินรั่วไหลออกต่างประเทศจำนวนมาก
อีกทั้งในประเทศเอง ก็มีบ่อนการพนันที่เปิดกันอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ผลประโยชน์ตกไปอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีอิทธิพลแทนที่รัฐจะได้ประโยชน์ ดังนั้น การมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อย่างถูกกฎหมาย จะทำให้รัฐได้รายได้โดยตรง ลดปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย สามารถควบคุมตามกฎระเบียบได้” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะต้องศึกษาผลกระทบทางสังคม และ ป้องกันประชาชนไม่ให้มัวเมากับการพนัน อีกทั้งต้องควบคุมให้เฉพาะผู้มีฐานะมั่นคงเข้าไปเล่นได้ เพื่อป้องกันประชาชนที่มีฐานะไม่มั่นคงต้องล้มละลายไปกับการพนัน อีกทั้งการควบคุมเยาวชนไม่ให้ไปติดการพนัน รัฐบาลสามารถศึกษาได้จากผลกระทบของประเทศต่างๆ ที่มีการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และมีกาสิโนแล้ว และนำมาปรับปรุงใช้บังคับเพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ รายได้ที่ได้เข้ารัฐเป็นแสนล้านบาท รัฐบาลสามารถนำมาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง สังคมสูงวัย อีกทั้งเป็นทุนการศึกษาไปเรียนต่างประเทศให้กับนักเรียน นักศึกษา ที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ เหมือนในอดีตที่นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกฯ เคยทำไว้เมื่อได้รายได้จากหวยบนดิน การส่งเสริมให้นักศึกษาไทยที่เรียนเก่งไปศึกษาต่อในต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริมตามวิสัยทัศน์เดิมของนายทักษิณ ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันและพัฒนาต่อไปได้