สุทิน เย้ย ก้าวไกล พูดแต่เรื่องเก่า ย้ำ ต้องมีกองทัพ ดูแลความมั่นคงประเทศ แจงตั้ง 8 คณะกรรมการปฏิรูปแล้ว เตรียมเปิด 2 โครงการเออร์ลี่รีไทร์นายพล

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันที่ 2

เวลา 12.00 น. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ชี้แจงภายหลัง สส.พรรคก้าวไกลอภิปรายเกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม ว่า จากที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่าเราหลอกลวงตบตาประชาชนนั้น

แต่ถ้าฟังวันนี้แล้ว คนที่หลอกลวงตบตาประชาชนคือนายวิโรจน์ เพราะไปบอกประชาชนว่าจะอภิปรายอย่างคุณภาพคับแก้วเ แต่เอาเข้าจริงเป็นเรื่องเก่าๆ เดิมๆ และ 90% เป็นเรื่องจากรัฐบาลเก่า

ส่วนนายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคก้าวไกล ไม่มีการพูดโฟกัสประเด็น พูดบ่นไปเรื่อยๆ และนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายตรวจสอบเรือหลวงสุโขทัยที่ล่มนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับตนเอง

แต่จะตอบว่าเรื่องสอบสวนเรือหลวงนั้น ตนก็รอดูเหมือนกันว่าเขาจะทำเป็นปาหี่หรือไม่ เพราะตอนนี้ต้องให้เขาตรวจสอบให้เสร็จก่อน เราจะไปทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่วิธีการบริหาร และเมื่อได้รับผลมา ตนจะเอาข้อสังเกตของนายจิรัฏฐ์ไปตรวจสอบด้วยถ้าเป็นปาหี่จริง

ไม่ต้องห่วง ตนจะตั้งกรรมการตรวจสอบใหม่อีกได้ ซึ่งจะมีการสรุปเรื่องนี้ในวันที่ 9 เม.ย. ว่าใครผิดใครถูก ใครควรได้รับโทษ และจะไม่ให้มีแพะเด็ดขาด

ส่วนที่นายวิโรจน์ตั้งข้อสังเกตถึงการแก้ปัญหาโครงสร้างนั้น ขอให้ฟังวิธีการแก้ของตน เวลาที่เหลือจากปีนี้ตนคิดว่าท่านกับพวกตนสามารถทำงานร่วมกันได้ แต่อย่างไรก็ต้องพูดเหมือนที่นายกฯ พูดว่า ประเทศยังต้องมีกองทัพ และกองทัพคือองค์กรที่ดูแลความมั่นคง

“ซึ่งความมั่นคงมันกระทบทุกคน ความมั่นคงดี ทุกคนก็ได้รับประโยชน์กินอิ่มนอนอุ่น ฉะนั้น เราจะเกลียดหรือเราจะอคติกับกองทัพก็แล้วแต่ ผมก็เคยมีความคิดว่ากองทัพมีปัญหา แต่สุดท้ายก็เชื่อว่ากองทัพยังต้องมี และเราต้องแก้ไขกองทัพมีคุณภาพ” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า สิ่งแรกคือเราต้องปฏิรูปกองทัพให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน สู้กับภัยคุกคามทุกรูปแบบ ตนเข้ามาคิดเลยว่าจะต้องมีกรรมการปฏิรูปกองทัพ ตอนนี้มีการเจรจานักวิชาการ ทหารเก่า และทหารใหม่แล้ว รอเซ็นอย่างเดียว แต่กลับมาคิดอีกที ในเชิงบริหารควรไปดูภายในองค์กรที่เราจะปฏิรูปก่อน ว่าเขาได้ตระหนักถึงปัญหาแล้วหรือไม่

ตนตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกองทัพ 8 ด้านด้วยกัน ที่เห็นชัดเป็นเรื่องการปรับกำลังพล ซึ่งเขาก็กล้าที่จะเสนอปรับกองทัพระยะสั้นและระยะยาว คือ 1.ปิดอัตรา ตำแหน่งไหนเกษียณก็ปิด ไม่รับอีก 2.ควบรวม หน่วยงานไหนทำหน้าที่ใกล้เคียงก็ให้เป็นหน่วยเดียวกัน และบางหน่วยยุบเลย

ส่วนนายพล เราจะลดนายพลที่ไม่ใช่กำลังหลัก จาก 700 คนจะให้ลดลงครึ่งหนึ่งในปี 71 และถ้าจะลดครึ่งหนึ่งของนายพลที่มีตำแหน่งหลัก จาก 2,900 คน ให้เหลือครึ่งเหมือนกันนั้น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงหุ่นผอมแล้ว

วันนี้เราจะทำอะไรก็ต้องนึกถึงขวัญและกำลังใจของกองทัพด้วย อย่าคิดว่าวันนี้ตนไม่ทำ แต่จะมาเคลมแต่รัฐบาลเก่า เพราะตนมี 2 โครงการที่จะลดนายพลด้วยโครงการเออร์ลี่รีไทร์ (early retire)

ส่วนเรื่องธุรกิจกองทัพ ทางคณะกรรมการฯ เสนอว่าต้องจัดระบบสวัสดิการกองทัพใหม่หมด จากที่มีสนามมวย สนามกอล์ฟ ปั๊มน้ำมัน โดยแยกสวัสดิการเชิงธุรกิจออกจากสวัสดิการภายใน ถ้าเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจต้องทำเป็นธุรกิจ ส่งรายได้ให้รัฐ กรมธนารักษ์ กรมศุลกากรเช่นเดียวกับคนอื่น วันนี้เราจัดระบบแล้ว

นายสุทิน กล่าวอีกว่า โครงการจัดหาเรือฟริเกต กองทัพเรือตั้งงบ 17,000 ล้านบาท ต่อมาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตัดงบ และที่เราตัดงบก็เพราะกลัวก้าวไกลด่า แต่วันนี้ท่านกลับเชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต

ซึ่งต้องขอบคุณคลิปที่นายวิโรจน์นำมาเปิด โดยตนขอ 3 ข้อ คือ ถ้าจะซื้ออาวุธต่อไปนี้ให้พิจารณาภายในประเทศก่อน 2.ถ้าซื้อไม่ทั้งหมดให้ซื้อชิ้นส่วนในประเทศ 3.ถ้าไม่ได้ทั้งสองให้มาต่อในประเทศ ให้เขามาถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เราด้วย

“แต่ท่านก็มาตำหนิผมว่า ใช้คำว่าขอ ขอ ขอ เหมือนกับผมหน่อมแน้มไป แต่รู้หรือไม่ว่านี่เป็นสำนวนที่ผมใช้สอนเด็กนักเรียน คนก้าวร้าวจะไม่เคยเห็นคุณค่า และไม่เข้าใจความนุ่มนวล คำว่าขอของผม นั่นคือการสั่งการ ไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่เขา

ดังนั้น เรือฟริเกตเราคิดบนพื้นฐานที่เคารพสภา ก็คือให้เกียรติท่าน เรื่องจัดซื้อจัดจ้างและเงินทอนนั้น รัฐบาลชุดนี้เข้ามาจะได้ซื้อก็งบปี 67 นี้ แต่ผมก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด” นายสุทิน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน