สภาเดือด! ‘ชวน’ ปะทะสส.เพื่อไทย ลั่นไม่ใช่มุขเดิมๆ แต่เป็นเรื่องจริง ยอมรับแผ่นเสียงตกร่อง เพราะความชั่วอยู่เหมือนเดิม ขณะสัญญาณไฟไหม้ดังถี่
วันที่ 4 เม.ย.2567 ที่รัฐสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันที่ 2 หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงกรณีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่าเบื่อที่นายชวน ปล่อยมุขเดิมๆ เกี่ยวกับพัฒนาเฉพาะพื้นที่ภาคใต้
อ่านข่าวที่นี่ : เศรษฐา ฟาดแรง มุกเดิมๆด้อยค่า จนสส.ไหลออก โว 4ปี รบ.นี้สร้างความเจริญมากกว่ารบ.อื่น
ทำให้นายชวน โต้ทันควันว่า ขอยืนยันว่าที่ท่านพูดกับนักธุรกิจและบอกว่าอย่าไปเชื่อที่ตนพูด ตนไม่เคยพูดสิ่งที่ท่านไปอ้างการเลือกปฏิบัติ ตนชัดเจนว่าตนพูดว่าพรรคไทยรักไทยเลือกปฏิบัติกับประชาชน ไม่ใช่เป็นมุขเดิมมุขเก่า แต่เป็นความจริงที่จะปรากฎตลอดไป คำตลบแตลงไม่ยั่งยืน แต่ความจริงจะยืนหยัดอยู่
ฉะนั้น ยืนยันว่าสิ่งที่นายกฯไปพูดกระแนะกระแหนตน ข้างนอกนั้นไม่จริง ยืนยันว่าตนไม่พูดอะไรสับปรับ หรือพูดอะไรที่ไม่รับผิดชอบ ตนไม่กล่าวหาใครที่ไม่เป็นความจริง ตนรู้ว่าคนที่ไม่พูดจริง คนที่โกหก กับพวกโกงบ้านโกงเมืองพวกเดียวกัน
“ผมไม่ได้โกรธท่านเลยที่ท่านไปพูด เพราะเชื่อว่าท่านเข้าใจผิดว่าผมไปพูดว่าพรรคเพื่อไทย แต่ความจริงคือพรรคไทยรักไทย ผมไม่ใช่คนบ้าน้ำลายรายวัน สัมภาษณ์ไปเรื่อย ขอโปรดเข้าใจว่าถ้าประเด็นใดที่ผมพูดไม่จริง ผมจะไม่ทำ ถ้าพูดไปแล้วผมต้องรับผิดชอบ ผมไม่ได้บอกให้ท่านถอนคำพูด แต่ขอว่าให้ช่วยไปพูดนักนักธุรกิจว่าสิ่งที่ท่านพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงกับสิ่งที่ผมพูด” นายชวน กล่าว
ทำให้นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ตนเคยอยู่พรรคไทยรักไทย ท่านก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่ตลอด ขอให้เลิกสักทีเรื่องเก่าๆ แล้วเดินหน้าต่อ โตๆ กันแล้ว เป็นถึงอดีตนายกฯ แผ่นเสียงตกร่องมาตั้งแต่ปีไหน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา 20 ปีแล้ว
ขณะที่นายชวน ลุกขึ้นสวนทันทีว่า “ยอมรับว่าผมอาจเป็นแผ่นเสียงตกร่องจริงๆ เพราะความชั่วก็อยู่เหมือนเดิม หากมีอะไรเปลี่ยนไป ผมก็จะไม่ไปย้ำอยู่ที่เดิม การทุจริตและการเลือกปฏิบัติมีผลพวงมาจนถึงปัจจุบันนี้ เราต้องไม่ปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น”
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า การอภิปรายเสียดสีของนายชวน ทำให้พรรคเพื่อไทย เกิดความเสียหาย ไม่ว่าการเลือกปฏิบัติ การบริหารงานในอดีต ท่านมักพูดว่าท่านพูดแต่ความจริง แต่มันเป็นความจริงในความเข้าใจของท่านคนเดียวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะอภิปรายอะไรแล้วก็สรุปในความคิดเห็นของตนเอง พาดพิงให้พรรคอื่นเสียหาย ซึ่งตนมองว่ากระบวนการนี้ไม่ชอบและวันนี้เป็นการอภิปรายตามมาตรา 152 มีอะไรกับรัฐบาล ท่านเต็มที่เลยและครม.ก็พร้อมตอบ แต่หากท่านพาดพิงมายังพรรคการเมือง บรรยากาศในห้องประชุมก็ไม่จบ
หลังจากนายจุลพันธ์พูดจบ นายชวน ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงว่า สิ่งที่ตนพูดคือสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ตนไม่ได้คิดเอาเอง และตนบอกนายจุลพันธ์ได้ว่า การเลือกปฏิบัตินั้นใครเป็นคนพูด แต่ตนไม่มีความประสงค์จะเอ่ยนามว่าอดีตนายกฯ ซึ่งท่านก็ไม่ได้แอบทำ แต่ท่านเคยพูดออกสื่อว่าจังหวัดไหนที่เลือกเราก็พัฒนาก่อน จังหวัดไหนที่ไม่เลือกให้รอก่อน จึงยืนยันว่าที่ตนพูดเป็นข้อเท็จจริง
นายจุลพันธ์ ลุกขึ้นสวนอีกครั้งว่า เรื่องที่เป็นความจริงและความเท็จเป็นเรื่องที่เป็นความเข้าใจที่แตกต่างกัน แต่หากจะสรุปความแล้วทำให้พรรคการเมืองอื่นในห้องประชุมนี้เสียหาย พวกตนก็ต้องลุกขึ้นประท้วง เช่น เรื่องงบประมาณปี 67 ที่บอกว่าไม่มีงบประมาณของภาคใต้ ซึ่งตนเป็นรองประธานกมธ.งบประมาณฯ ก็เห็นว่ามีงบประมาณที่ลงไปภาคใต้
“จะไม่มีจริงๆ หรือที่ไม่มีงบประมาณลงไปภาคใต้เลยสักบาท สส.ภาคใต้ที่นั่งตาปริบๆ อยู่ในนี้ จะนั่งกันได้อย่างไร หากไม่มีงบประมาณไปลงบ้านเลย ฉะนั้นหากเป็นความเข้าใจของสมาชิกแต่ละคนที่จะเอาเหตุและผลของตัวเอง หรือความเชื่อของตัวเองมานำเสนอต่อสภาฯ เพื่อโน้มน้าวสมาชิกท่านสามารถทำได้ ถือเป็นสิทธิ์ แต่หากท่านจะสรุปความว่าสิ่งที่ท่านพูดทุกอย่างต้องเป็นความจริง แล้วพวกผมเป็นคนเลว พวกผมจะเดินต่ออย่างไร “ นายจุลพันธ์ กล่าว
ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 วินิจฉัยว่า ทั้งหลายทั้งปวงประชาชนเป็นคนตัดสิน เดี๋ยวนี้สถานการณ์ของบ้านเมืองมันไปเร็ว ประชาชนเขารับทราบทุกเรื่อง ว่าอะไรคืออะไร เราอยู่ในนี้ก็พูดกันไป แต่ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ก่อนจะเข้ากับเข้าสู่การอภิปรายต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายชวนและนายจุลพันธ์ กำลังประคารมกันอยู่นั้น เสียงสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ได้ดังขึ้นอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นขอให้ประธานในที่ประชุมจัดการเรื่องสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่า เดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่มารายงานผล