รองเลขาฯ กกต. เผยเก็บข้อมูลคอร์สทำความรู้จักฮั้วสมัคร สว.แล้ว ปัดนิ่งเฉยละเลย พร้อมประสาน 26 หน่วยงาน ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัคร ป้องกันสภาผัวเมีย ‘คำนูณ’ ชี้ภารกิจรับ สว.น้องใหม่มีทั้ง แก้ รธน.-ถกงบ 68

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จัดสัมมนา “บทบาทหน้าที่ อำนาจ และการได้มาซึ่งวุฒิสภาชุดใหม่ 2567”

โดยนายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวตอนหนึ่งถึงกระแสข่าวการจัดตั้ง หรือจัดอบรมสัมมนา เรียกเก็บเงินเพื่อทำความรู้จักกัน เตรียมความพร้อมรับสมัคร สว.แบบผู้สมัครเลือกกันเองว่า ยืนยันว่า กกต.เก็บข้อมูล และมีเครือข่ายพื้นที่แล้ว

ดังนั้น ใครจะไปดำเนินการที่อำเภอไหน ตำบลใด สำนักงาน กกต.ในจังหวัด มีข้อมูลทั้งหมด เพื่อเตรียมนำไปประกอบการพิจารณาหากมีเหตุร้องเรียน ซึ่งกกต.ไม่ได้นิ่งเฉย หรือละเลย เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และสร้างความเท่าเทียมแก่ผู้สมัครทุกคน

รองเลขาธิการ กกต.กล่าวด้วยว่า สำนักงาน กกต.ได้เตรียมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกวุฒิสภา เนื่องจากสว.ปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้ว ซึ่งหลังประกาศพ.ร.ฎ.แล้ว กกต.จะกำหนดวัน กำหนดการต่าง ๆ รวมถึงวันเลือกระดับอำเภอ และจังหวัด

ในเร็ว ๆ นี้ จะออกประกาศ ขยายความกลุ่มอาชีพ สว.ว่าครอบคลุมตำแหน่งใดบ้าง อาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด ยืนยันว่าผู้สมัครทุกคน จะต้องมีกลุ่มลงสมัครแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นกลุ่มอื่น ๆ ที่จะรองรับนอกเหนือจาก 19 กลุ่มอาชีพ หรือแม้จะมีความรู้ความเชี่ยวชาญใน 19 กลุ่ม แต่จะลงสมัครในกลุ่มอื่นๆ ก็ได้ ผู้สมัครต้องมีพยานรับรองความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้นได้

ส่วนการตรวจสอบผู้สมัคร สว.เพื่อป้องกันในกรณีเป็นบุพการี-บุตรนอกสมรสกันนั้น นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า สำนักงาน กกต.มีหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยตรวจสอบกลั่นกรอง 26 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม ทั้งฐานข้อมูลพรรคการเมือง ตำแหน่งต่างๆ ซึ่ง กกต.มีเวลา 5 วัน ตรวจสอบหลังรับสมัครเลือกตั้ง

สำนักงาน กกต.ทุกจังหวัด สามารถตรวจสอบได้ในบางเรื่องที่ กกต.มีข้อมูล แม้ตรวจไม่พบ แต่ผ่านการเลือกตั้ง มาระดับอำเภอ และจังหวัดมาแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นโมฆะ หรือเจอในชั้นใด ก็ลบชื่อในชั้นนั้นได้ และผู้สมัคร สามารถร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้








Advertisement

รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการรับสมัคร ที่ผู้สมัครต้องมีผู้รับรองความเชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้นๆ ว่า ผู้รับรองผู้สมัคร จะต้องระมัดระวังด้วย เพราะหากรับรองเป็นเท็จ อาจมีโทษด้วย ซึ่งการแนะนำตัวผู้สมัครในกลุ่มนั้น จะต้องรอระเบียบจาก กกต.ที่จะออกประกาศ แต่ขอให้งดเว้นการหาเสียงก่อน แต่สามารถเปิดเผยแนะนำตัวตนตนเองได้

ส่วนการตรวจสอบสถานะการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐนั้น กกต.ยึดหลักตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหากเข้าองค์ประกอบใด ก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ผู้สมัคร สามารถสอบถามหน่วยงานต้นสังกัดได้ก่อนว่า ตนเองมีสถานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นหรือไม่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองพยายามตรวจสอบตัวเองมาแล้วในชั้นต้น

“กกต.เชื่อว่า การรับสมัคร สว.ครั้งนี้ จะมีผู้สมัครรวมทั้งประเทศจำนวนมาก แต่เมื่อเข้าสู่ระดับจังหวัดแล้ว เชื่อว่าจะเหลือจังหวัดละประมาณ 500 คน หากรวมทั้งประเทศแล้ว อาจมีจำนวนรวมมาก แต่มั่นใจว่า กกต.บริหารจัดการได้ ส่วนขั้นตอนการประกาศผลเลือกตั้ง อาจไม่รวดเร็ว เพราะต้องคำนึงถึงข้อร้องเรียน หลังจากจังหวัดได้ส่งผลคะแนนมายัง กกต.ด้วย” รองเลขาธิการกกต.กล่าว

ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน สว.ในฐานะกมธ.พัฒนาการเมือง กล่าวว่า มั่นใจว่า สว.ชุดใหม่ จะเป็นชุดแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่มีการเลือกตั้งทางอ้อม และยังคงมีบทบาทสำคัญว่าจะมีส่วนร่วมแก้ไข หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ ชี้ขาดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับหรือไม่ เพราะ สว.ยังมีบทบาทร่วมลงมติ 1 ใน 3 หรือ 67 เสียงจาก 200 เสียงด้วย และอาจเป็นเรื่องแรกที่วุฒิสภาชุดใหม่ ต้องพิจารณา จึงขึ้นอยู่กับ สว.ชุดใหม่ว่า จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ประสบความสำเร็จหรือไม่

นายคำนูณ กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า เป็นร่างกฎหมายงบประมาณประวัติศาสตร์ ที่ตั้งงบแบบขาดดุลมากที่สุด แต่วุฒิสภาไม่มีอำนาจแก้ไข และจะต้องพิจารณาให้เสร็จในวาระเดียวเท่านั้น ถือเป็นหน้าที่ของ สว.ชุดใหม่ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน