มท.จับมือกฤษฎีกาลงนาม MOU ฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนานักกฎหมายภาครัฐ ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านกฎหมาย ยึดหลักนิติธรรมทันสมัย มุ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ปชช.

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ห้องประชุมราชบพิธ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐ (ภาคพิเศษ (กระทรวงมหาดไทย)) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ได้เมตตาช่วยในการที่จะทำให้ข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้าราชการผู้ที่ทำหน้าที่ทางด้านกฎหมาย ทั้งในตำแหน่งนิติกรและตำแหน่งอื่นๆ ที่มีความสำคัญในการปฏิบัติงานตลอดจนมีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายในการให้บริการกับประชาชน เพราะคนมหาดไทยทุกคนมีภารกิจ และการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายมากมาย หรือ เรียกได้ว่าเราเป็นลูกค้าอันดับหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเราต้องทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชน ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ อาทิ กฎหมายที่ดิน กฎหมายลักษณะปกครองท้องที่ กฎหมายและระเบียบท้องถิ่น กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาตต่างๆ

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า อีกทั้งเรายังมีกฎหมายภายใต้การควบคุมดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ที่ต้องนำไปบังคับใช้ทั่วประเทศ ซึ่งกฎหมายเหล่านั้นหลายฉบับมีอายุเก่าแก่ สิ่งสำคัญ คือ การทำให้กฎหมายแอคทีฟและทันสมัย จึงต้องขอความอนุเคราะห์ทางผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่จะช่วยยกระดับและพัฒนากฎหมายที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ให้สามารถบังคับใช้ได้อย่างเหมาะสมในปัจจุบัน จึงต้องช่วยกันยกระดับและพัฒนาองค์ความรู้ในการใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดูแลพี่น้องประชาชน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐ (ภาคพิเศษ (กระทรวงมหาดไทย)) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงข้าราชการและบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในส่วนรวม ซึ่งข้าราชการกระทรวงมหาดไทยจะได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมาย ซึ่งจะทำให้เราได้ปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานได้สอดรับและสอดคล้องกับหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของสังคม แม้ว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้เกิดผลดีต่อสังคมอยู่แล้ว แต่ด้วยภาระหน้าที่ความซับซ้อนของงาน ทำให้ด้านกฎหมายยังเป็นจุดอ่อน ดังนั้นการฝึกอบรมหลักสูตรนี้เปรียบเสมือนการให้ข้าราชการในตำแหน่ง นิติกรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยได้ใช้เวลา มุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาเรื่องสำคัญในด้านกฎหมายได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน กระทรวงมหาดไทยจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้งในโอกาสนี้และต่อไป

ด้านนายปกรณ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการจัดอบรมโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐ (ภาคพิเศษ (กระทรวงมหาดไทย)) ซึ่งเป้าหมายของเรา คือ การมุ่งพัฒนากฎหมายให้ดีขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน “Better Regulation for Better Life” ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของกระทรวงมหาดไทย คือการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ที่ผ่านมาเรามีการจัดฝึกอบรมให้กับนักกฎหมายเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งเรามีความเข้าใจในภารกิจอันหนักหน่วงของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องการบังคับใช้กฎหมายซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้น นักกฎหมายของหน่วยงานจึงมีหน้าที่สำคัญในการสนับสนุนด้านกฎหมายให้กับหน่วยงาน

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกฎหมายที่มีความเก่าแก่ แม้ว่าบางส่วนอาจจะยังเหมาะสมกับปัจจุบัน แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะต้องมีการปรับปรุง เราจึงหวังว่ากระทรวงมหาดไทยจะเป็นจุดเริ่มต้น ที่จะช่วยในการยกระดับและพัฒนากฎหมายที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของการฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ เนื่องจากข้าราชการมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือการถ่ายทอดองค์ความรู้ การจัดทำคู่มือ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเราได้พัฒนา โดยจัดทำในรูปแบบ เว็บไซต์เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย ตลอดจนประชาชนทุกคนสามารถเข้ามาใช้บริการและใช้ประโยชน์ของเราได้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและถูกต้องมากที่สุด นอกจากนี้เราได้จัดทำข้อมูล Data Base ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา เพื่อทำให้การสืบค้นมีความรวดเร็ว และหากมีผลการดำเนินการที่ดีเยี่ยมจะได้ขยายผลไปยังส่วนราชการต่าง ๆ รวมไปถึงกระทรวงมหาดไทยอีกด้วย

“การจัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐในครั้งนี้ เราไม่ได้มีเพียงการถ่ายทอดด้านกฎหมายเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ให้ความรู้ จึงขอให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมทุกคนได้มุ่งมั่นตั้งใจ เราเชื่อมั่นในกระทรวงมหาดไทย และได้เปิดการอบรมเพื่อให้ผู้อบรมได้เข้ามาศึกษา มุ่งมั่นเก็บเกี่ยวความรู้ด้านกฎหมาย จึงขอขอบคุณคณะผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตลอดจนสถาบันพัฒนากฎหมายมหาชน ที่ได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือในวันนี้ และหวังว่าเราจะได้ร่วมมือกันพัฒนาบุคลากรด้านกฎหมาย และด้านอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป“ นายปกรณ์ กล่าว








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน