นิกร เผย พรรคร่วมไฟเขียว ทำประชามติรอบแรก ไม่รอแก้กฎหมายประชามติ ชี้เป็นสิทธิ์รัฐบาล ตั้งคำถาม ปัดมัดมือชก อนุทิน ลั่น ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 เม.ย. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายกรัฐมนตรี เรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทุกพรรคเห็นไปในทางเดียวกันหมด คือ ทำประชามติ 3 ครั้ง
นายนิกร กล่าวต่อว่า โดยคำถาม คือ จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และจะไม่รอกฎหมายประชามติ แต่ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไปเร่งรัดเรื่องการแก้ไขกฎหมายประชามติ
นายนิกร กล่าวว่า การทำประชามติครั้งแรก อาจมีค่าใช้จ่าย แต่ครั้งต่อไปอาจแก้กฎหมายประชามติได้ทัน เราตั้งใจแก้ให้ลงตัวในการทำประชามติครั้งที่ 2 ในช่วงการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จะได้ทำไปคราวเดียวกัน ซึ่งอยากให้มีหน่วยการลงคะแนนเหมือนการเลือก สส.
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ แนะนําอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า คงมีความชัดเจนหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย. ซึ่งตนและนายวุฒิสาร ตันไชย ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเข้าชี้แจงใน ครม.ด้วย
เมื่อถามกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำถามประชามติเป็นการมัดมือชกเกินไป นายนิกร กล่าวว่า รัฐบาลมีสิทธิ์ให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล เพราะไม่ใช่คำถามประชามติโดยรัฐสภา ถึงอย่างไรก็ต้องจบ ต้องเว้นหมวด 1 และหมวด 2 เป็นสิทธิ์ของ ครม.ที่จะถามตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งเขียนไว้ชัดเจน ยืนยันทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไป
“เราต้องเริ่มประชามติครั้งที่ 1 แล้ว ไม่เช่นนั้นจะหาว่าเราเตะถ่วง และจากที่คุยกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่าเป็นนโยบายร่วมกัน ก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกันในนามรัฐบาล” นายนิกร กล่าว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอทำประชามติ 3 ครั้งเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ก็เป็นไปตามนั้น โดยวันที่ 23 เม.ย.นี้ เรื่องดังกล่าวจะเข้า ครม.
Advertisement
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การทำประชามติทั้ง 3 ครั้ง หากมีความจำเป็นและไม่ขัดกฎหมายก็ไม่มีปัญหา การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยแก้เนื้อหาอื่นๆ ไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เป็นเจตนารมณ์และสัญญาที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแถลงต่อประชาชนอยู่แล้ว ถือว่าเป็นไปทางเดียวกันหมด
