กมธ. เปิด 4 มูลฐาน เอาผิดหน่วยงาน ปมกากแคดเมียม เผย ป.ป.ช.รับเรื่องแล้ว เร่งขนย้าย ภายใน 16 มิ.ย. แนะเฝ้าระวังโกดัง อ.อุทัย หวั่นซ้ำรอยระยอง-ภาชี

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 พ.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมกมธ.ว่า จากที่ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงความคืบหน้าการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมกลับไปที่บ่อบำบัด จ.ตาก

โดยขณะนี้มีการขนย้ายแล้วทั้งสิ้น 14 เปอร์เซ็นต์ และใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนย้าย 100 เปอร์เซ็นต์ จึงขอให้ประชาชนอุ่นใจในข้อห่วงใยเกี่ยวกับการขนย้าย ซึ่งจะมีการขนย้ายแล้วเสร็จจำนวน 1,806 ตัน ภายในวันที่ 16 มิ.ย. รวมถึงจะฝังกลบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้

ส่วนการคืนพื้นที่ทั้งจ.ชลบุรี จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานว่าขณะนี้สามารถคืนพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว โดยกรมควบคุมมลพิษลงไปตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่าได้ตรวจสอบสารตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ และกรมควบคุมโรคว่าปราศจากโลหะแคดเมียมที่เป็นโลหะอันตราย ถือว่าปลอดภัยแล้ว จึงทำให้มีการส่งพื้นที่ได้ครบ

ขณะที่การดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 4 มูลฐานความผิด 1.การนำปฏิกูลหรือวัตถุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามพ.ร.บ.โรงงานปี 2535 2.แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137

3.มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ครอบครองตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ปี 2535 จำนวน 130 กรัม และ 4.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2560

สำหรับความผิดตามพ.ร.บ.สาธารณสุข และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 2535 ทางรองอธิบดีกรมควบคุมโรค และรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ชี้แจงว่ากฎหมายดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการกับผู้ประกอบการได้

ส่วนการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติรับเรื่องดังกล่าวมาสอบสวนหาผู้กระทำความผิดในกรณีความผิดโดยมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน ตามมาตรา 48 และ 49

ในเรื่องนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้รวบรวมหลักฐาน สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ก่อนส่งสำนวนเข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช.

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีเกิดเพลิงไหม้ในโกดังที่มีวัตถุอันตราย ในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงว่า จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ใช้งบประมาณ 6.9 ล้านบาท ในการย้ายกากอุตสาหกรรมไปดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามหลักอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม รวมถึงได้ออกหมายจับผู้เช่าโกดังแล้ว

ขณะเดียวกันยังได้ให้เฝ้าระวังโกดังที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโกดังเก็บกักกากของเสีย ที่มีลักษณะเหมือนที่อ.ภาชี แต่มีปริมาณมากกว่าที่อ.ภาชี ทางกมธ.กังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอยไฟไหม้ที่อ.มาบตาพุด จ.ระยอง และอ.ภาชี

“เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่าทั้ง 3 โรงงาน มีความเชื่อมโยงกันของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถบรรทุก ผู้ถือหุ้น หรือผู้เกี่ยวข้องที่ทำธุรกิจร่วม จึงขอให้หน่วยงานของรัฐไปเฝ้าระวัง เมื่อครบ 120 วันแล้ว ทางกมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้าอีกครั้งต่อไป” นายอัครเดช กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน