นายกฯ เปิดตึกไทยคู่ฟ้า ถกแก้หนี้นอกระบบ สั่งคิกออฟตลาดนัดแก้หนี้ ทั่วกรุงเทพฯ ชี้เป็นสารตั้งต้นปัญหาทั้งหมด กำชับจนท.เข้มกวาดล้างยาเสพติดในชุมชนแออัด

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 30 พ.ค. 2567 ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเรื่องหนี้นอกระบบ โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะที่ปรึกษาของคณะกรรมการแก้ไขหนี้นอกระบบ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และสำนักงานตำรวจนครบาล นำโดยพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 เข้าร่วมประชุม

นายกฯ กล่าวว่า ตนเดินทางไปที่ตลาดนัดแก้หนี้ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีการทำอะไรที่เป็นกิจลักษณะหรือเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยในวันนี้จะถือว่าเป็นการคิกออฟ เพราะปัญหาหนี้ครัวเรือนหรือปัญหาหนี้นอกระบบ ไม่ได้อยู่แค่ที่ต่างจังหวัดอย่างเดียว แต่ในกรุงเทพฯ ยังมีคนที่เดือดร้อน

ซึ่งตอนนี้ต้องมีการประสานงานอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข็นครกขึ้นภูเขา แต่เชื่อว่าเป็นสารตั้งต้นของหลายๆ อย่าง อะไรที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ถ้าเกิดทำงานใช้หนี้ดอกเบี้ยไม่พอก็หันไปพึ่งยาเสพติด และหันไปเป็นขโมยกับโจร จึงเป็นเรื่องที่อยากให้เรากลับมาเน้นย้ำกันใหม่อีกรอบ

“วันนี้นายกิตติรัตน์และนายชาดาก็ทำงานนอกกรุงเทพฯ เยอะแล้ว ทั้งประสานให้มีการพบกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ผ่านตลาดนัดแก้หนี้ และนำสถาบันการเงินของรัฐเข้ามามีส่วนช่วย ซึ่งอยากให้มีการคิกออฟในการจัดตลาดนัดทั่วกรุงเทพฯ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่าแต่ละจุดจะพร้อมเมื่อไหร่ ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องยาเสพติดและเรื่องพนันออนไลน์” นายกฯ กล่าว

ขณะที่ นายกิตติรัตน์ กล่าวรายงานว่า ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยไม่กล้าเข้ามาลงทะเบียน เพราะรู้สึกไม่สบายใจ กังวลว่าจะไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้นายกฯ กล่าวว่า ไม่มั่นใจ ถ้าเอาชัดเลยคือเรื่องผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าหนี้ ซึ่งต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงให้เข้ามาตอกย้ำในส่วนนี้

นายกฯ กล่าวว่า ขอให้เซ็ตอัพกัน จากนี้ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ น่าจะเช็ตอัพการประชุมตลาดนัดแก้หนี้ในสถานีตำรวจทั้งหลายได้ และตนจะไปตรวจด้วย ซึ่งดูตามความเหมาะสมว่าจะจัดที่สถานีตำรวจหรือสำนักงานเขต ขอฝากให้นายชาดาและนายกิตติรัตน์ช่วยประสาน สิ่งสำคัญจะต้องมีหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงินของรัฐ โดยธนาคารออมสินเต็มที่และจะมาช่วยแก้ไขตรงนี้

ส่วนปัญหาเรื่องออนไลน์ หลังจากตนไปตรวจเยี่ยมที่ สน. พบว่าส่วนมากเข้ามาแจ้งความเรื่องการหลอกลวงออนไลน์ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีคนเดือดร้อนเยอะมาก จะทำอย่างไรเพื่อเป็นการประสานเร่งรัดกับปัญหานี้ให้หมดไปโดยเร็ว ไม่ใช่ไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน แล้วปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการไม่มีความคืบหน้า

เรื่องยาเสพติดถือเป็นข้อมูลที่สำคัญ วันนี้การดำเนินการสามารถจับกุมทั้งประเทศได้ 4 เท่า ถือเป็นข่าวดี แต่ส่วนที่เป็นข่าวไม่ดี คือ ราคายาบ้าไม่ขึ้นเลย หมายความว่าปริมาณยังคงอยู่ แม้จะจับได้มากกว่าเดิม 4 เท่า แต่ก็ยังมีความต้องการอยู่เหมือนกับว่าเรายังไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรม

ถ้าราคาของยาบ้าสูงขึ้นเยอะแสดงว่าเราทำงานได้ดี วันนี้แม้เราจะทำงานได้ดีแล้ว แต่มันไม่พอ ไม่อยากให้ฝ่ายความมั่นคงเสียกำลังใจ แต่ไม่อยากให้ดูจำนวนที่จับได้ อยากให้ดูที่ราคาที่ยังไม่สูงขึ้น ผมอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่เข้มแข็งมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง ขอให้ไปโฟกัสที่ชุมชนแออัด เพราะเป็นภาคส่วนที่เดือดร้อนมาก

“เชื่อว่าการที่ทำทุกอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ทั้งการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของปัญหาผู้มีรายได้น้อย ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ ทำให้หมดขวัญและกำลังใจ หันไปเสพยา ปล้น ขโมย เรื่องนี้ต้องฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจและความมั่นคงทำงานให้มากขึ้น แม้ตอนนี้เราจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจก็ดี แต่ส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็ต้องทำงานให้เร็ว ฝากด้วยแล้วกันนะครับ” นายกฯ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน