กมธ.นิรโทษ เห็นชอบกรอบเวลาเริ่มนับ 1 ม.ค.48-นิยามแรงจูงใจทางการเมือง-ขอบเขต/ผลการนิรโทษกรรม นิกร เผยจ่อถกรวม ม.112 หรือไม่ ปลายเดือนนี้
เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2567 ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมว่า มติที่ประชุมเห็นชอบเรื่องของกรอบเวลานิรโทษกรรม ช่วงเวลาตั้งแต่ 1 ม.ค.2548 ถึงปัจจุบัน
ส่วนของนิยามคำว่า การกระทำที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง ได้ข้อสรุป หมายถึงการกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้ง หรือเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
ทั้งนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอความเห็นในที่ประชุมว่า ควรมีเรื่องขอบเขตการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นความเห็นใหม่ที่เสนอเข้ามาในกรรมาธิการ
นายนิกร กล่าวว่า กรรมาธิการยังได้ข้อสรุปเกี่ยวกับขอบเขตการนิรโทษกรรม รวมถึงผลของการนิรโทษกรรม ว่า “บรรดาการกระทำใดๆ หากเป็นความผิดตามกฎหมาย ให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้น พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้าผู้นั้นรับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง และให้ถือเสมือนว่าบุคคลนั้นไม่เคยกระทำความผิด”
เมื่อถามว่า ท้ายที่สุดการนิรโทษกรรมจะครอบคลุมถึงคดีมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ประชุมอีก 2-3 ครั้ง คงจะพิจารณาได้ น่าจะเป็นช่วงปลายเดือน ขณะนี้มีหลายคดี ต้องมาคิดกันว่าจะนิรโทษอะไรบ้างอย่างไร ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณา ต้องดูกรอบอื่นมาก่อน แต่หากจะนิรโทษกรรมมาตรา 112 จะต้องครอบคลุมทุกคดีใช่หรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าจะเจอมาอย่างไร เพราะตอนนี้รวมอยู่ในกรอบการศึกษาทั้งหมด