“ก้าวไกล” ไม่หมดหวัง ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญเปิดไต่สวน “ชัยธวัช” เผย ส่งทีมกฎหมาย ยื่นคลิปหลักฐานเพิ่ม มัด “ประธาน กกต.” ยื่นยุบพรรคโดยมิชอบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 2567 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญเรียกบัญชีรายชื่อพยานหลักฐานคดียุบพรรคก้าวไกลเพิ่มเติม จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้ร้อง ว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากภายหลังเราได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้ยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมและยื่นขอให้ศาลไต่สวน
แต่วันนี้ศาลยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการเปิดไต่สวน หรือเรียกพยานตามที่พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องยื่นไป โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้ กกต.ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต.ก็เคยยื่นพยานหลักฐานและพยานบุคคลไปให้ศาลแล้ว
ดังนั้น การที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.ยื่นเพิ่มเติมจะเป็นพยานบุคคลหรือเอกสารก็ยังไม่ทราบ แต่ตนคาดการณ์ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกล เรื่องการยื่นของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งภายในวันนี้ (12 มิ.ย.) ฝ่ายกฎหมายพรรคก้าวไกลก็จะไปยื่นบัญชีเอกสารเพิ่มเติมเหมือนกัน
“ทั้งนี้ เป็นคำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต.เอง ซึ่งเราเห็นว่านี่เป็นการยอมรับโดยตัว กกต.เองว่า ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบที่ กกต.กำหนดในการยื่นยุบพรรค ตามมาตรา 92 และ 93 ที่ประกอบด้วยระเบียบที่ กกต.เป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ออกมา เราก็จะไปยื่นเพิ่มเติมเหมือนกัน เพื่อประกอบข้อต่อสู้ของเรา” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาเพิ่มเติม ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่คาดการณ์ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าเรื่องขอบเขตอำนาจศาล หรืออำนาจในการตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่าเป็นไปตามที่ประเมินไว้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แสดงว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นประเด็นสำคัญในข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล จึงให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมหรือให้สำนักงานศาลฯ ศึกษาเพิ่มเติม แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่า สุดท้ายศาลจะเปิดให้ไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะทราบเร็วที่สุดคือสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลก็หวังว่าศาลจะเปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ มีการไต่สวนพยาน มีการพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่อย่างเต็มที่ ส่วนศาลจะเปิดให้ไต่สวนเต็มรูปแบบหรือสั่งให้ปากคำแบบปิดนั้น ตนไม่ทราบ แต่การเปิดไต่สวนอย่างเปิดเผยย่อมดีที่สุดกับทุกฝ่าย เพื่อให้สุดท้ายคำวินิจฉัยออกมาเป็นที่ยอมรับ
นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนไม่ได้ประเมินว่า กกต.จะมีข้อต่อสู้หรือโต้แย้งอย่างไร ขอฝากสื่อมวลชนไปถาม กกต. ส่วนที่ประธานกกต.ระบุ มีเอกสารข้อเท็จจริงคำพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 ม.ค.2567 แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้พรรคก้าวไกลชี้แจงนั้น การแยกข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นคนละเรื่องกับการปฏิบัติตามกระบวนการตามกฎหมาย และระเบียบที่ กกต.เป็นผู้กำหนด
ขอย้ำว่าการยื่นร้องยุบพรรค ตามมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่การปฏิบัติต้องปฏิบัติประกอบกระบวนการตามมาตรา 93 และระเบียบที่กกต.เป็นผู้กำหนด มารองรับการปฏิบัติ ซึ่งต้องมีขั้นตอนที่ให้มีการตั้งคณะบุคคลขึ้นมา เพื่อสรุปรายงานให้แก่นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.พิจารณาก่อนจะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น การบอกว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะไม่ทำตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด แม้จะมีพยานหลักฐานเพียงพอ กระบวนการตามขั้นตอนก็ต้องมีครบ และต้องให้พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องได้มีโอกาสโต้แย้งก่อน แล้วค่อยมีมติออกมาว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอจึงไปยื่นคำร้องยุบพรรค ซึ่งการที่ กกต.มีเอกสารเผยแพร่ให้พรรคการเมืองก็ชัดเจนมาตลอดว่าต้องใช้แบบนี้ ไม่มีช่องทางใดที่ให้ กกต.ใช้ดุลยพินิจโดยลำพัง
เมื่อถามว่าได้มีการเช็กชื่อลูกพรรคบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเช็กชื่อตอนนี้ สส.เตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นหลัก ซึ่งตอนนี้อยู่ในโค้งสุดท้ายแล้วอาจมีการปรับอีกเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่เหลือ
เมื่อถามประเด็นเรื่องงูเห่า ถ้าคนที่ไม่คิดเป็นสส.แล้วก็คงไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ เพราะอยากเป็นสส.เพียงรอบเดียว นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนยังเชื่อมั่น สส.ของพรรคก้าวไกลจะไม่ได้คิดเรื่องตัวเองเป็นตัวตั้ง และเชื่อว่า สส.ของพรรคเห็นความสำคัญของความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
“ย้ำว่าไม่ได้เสียขวัญ ยิ่งฟังที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงเรื่องข้อต่อสู้ในคดี ก็ยิ่งทำให้สส.ของพรรครู้สึกว่ามีประเด็นในการต่อสู้ได้อยู่ ขออย่าเพิ่งไปสรุปว่า สุดท้ายแล้วคดีนี้ผลจะออกมาอย่างไร” นายชัยธวัช กล่าว