เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้เดินทางมาสำนักงาน กกต. เพื่อเคลียงานและเก็บของหลัง คสช.มีคำสั่งให้ยุติการทำหน้าที่ กกต. โดยให้สัมภาษณ์ ว่า ขอที่จะมาเก็บมีจำนวนไม่มากเพราะได้ทยอยเก็บไปก่อหน้านี้แล้ว คาดว่าจะใช้เวลา 2- 3 วันในการเก็บของ และจะวันศุกร์ที่ 23 มี.ค.น่าจะเป็นวันสุดท้าย เมื่อวานนี้หลังรับทราบคำสั่ง คสช.ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพียงแต่อึดอัด เนื่องจากมีโทรศัพท์เข้ามาประมาณ 30-40 สาย ได้พยายามรับสาย แต่รับได้ไม่หมด ส่วนตัวไม่มีอะไรนอนหลับฝันดี ตอนนี้ยังไมได้คิดอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเรียกร้องความยุติธรรม หลังจากนี้ก็ยังทำงานทุกวันเพียงแต่ว่าจะไปทำงานที่ไหนเท่านั้นเอง ไม่ใช่ไม่มีที่แล้วจะว่างเปล่า บทบาทการตรวจสอบการเลือกตั้งก็จะทำต่อไป อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่าหลังจากพ้นการเป็น กกต. ก็จะไปทำงานที่พี-เนต และหลังจากนี้การแสดงความคิดเห็นก็จะเต็มที่เหมือนเดิม และจะขยายขอบเขตได้มากขึ้น จากเดิมที่พูดแต่เรื่องของการเลือกตั้ง แต่เมื่อไม่มีตำแหน่งหน้าที่ การให้ความเห็นต่อสาธารณะก็จะพูดได้กว้างขวางมากขึ้น และยื่นยันว่าตนพ้นจากตำแหน่งก็ไม่กระทบต่อการทำงานของ กกต. เพราะมี 4 คนก็ทำงานได้ และ กกต.ทุกคนก็มีความรู้ความสามารถ เพราะฉะนั้นโรดแมปไม่เคลื่อนอยู่แล้วเพราะไม่มี กกต.สมชัย แต่มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น

นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า การโพสต์เฟซบุ๊ก ว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งทีได้เปิดหน้า คสช. ว่าเป็นความรู้สึกที่เป็นเกียรติจริง ๆเพราะไม่เคยมีใครที่จะได้เป็นข่างลงหนังสือพิมพ์หน้า 1 ทุกฉบับ และเป็นข่าวยาวๆในสื่อฯ โทรทัศน์ และไม่มีใครที่สื่อจะให้ความสนใจมาก จึงถือว่าเป็นเกียรติ ส่วนหนึ่งเพราะได้แสดงบทบาทอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถามต่อว่า รู้สึกอย่างไรที่เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกคำสั่งพิเศษปลดออก นายสมชัย กล่าวว่าเกียรติอย่างยิ่ง และไม่กลัวว่าจะถูก คสช.เพ่งเล็งในการแสดงความเห็น เพราะ ตนรู้ตัวว่าพูดอะไร ไม่เคยพูดสิ่งที่เป็นเท็จ หยาบคาย ปลุกระดม นำเสนอแต่ข้อเท็จจริง

“ผมน้อมรับคำสั่ง และไม่วิจารณ์ วันนี้จึงมาเก็บของอย่างเดียว” นายสมชัยกล่าวและปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า คำสั่งที่ออกมาเหมือนเป็นการปรามองค์กรอิสระหรือผู้เห็นต่างกับ คสช.หรือไม่ รวมทั้งการใช้คำสั่งดังกล่าวจะมีผลต่อการควบคุมการเลือกตั้งหรือไม่ รวมถึงประเด็นต่ออายุ 2กกต. โดยนายสมชัย กล่าวว่าหลังเก็บของเสร็จในวันศุกร์เวลา 15.00 น. จะเปิดใจอีกครั้ง ขณะนี้ขอเวลาไปเรียบเรียงเรื่องต่างๆให้แล้วเสร็จแล้วจะมาบอกให้ฟัง แต่เบื้องต้นภรรยาดีใจมากหลังทราบคำสั่ง เพราะก่อนหน้าที่อยากให้ยุติการทำหน้าที่ กกต.

ส่วนตำแหน่งเลขาฯ กกต. คิดว่าคำสั่ง คสช.ไม่ได้มีผลทำให้ขาดคุณสมบัติในการสมัครเลขาฯ เพราะไม่ได้มีกฎหมายใดที่เขียนว่า การถูกคำสั่งให้ยุติการทำหน้าที่เป็นลักษณะต้องห้ามของการสมัคร รวมทั้งตนก็ไม่ได้ถอนตัว ดังนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ และหากเห็นว่าตนมีคุณสมบัติครบก็จะประกาศให้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อ กกต. แต่คิดว่าเมื่อมีคำสั่ง คสช.ออกมาในลักษณะนี้ ก็น่าจะสร้างความลำบากใจให้กับ กกต. พอสมควร เพราะการพิจารณาถ้าหากจะเลือกเราเพราะมีวิสัยทัศน์มีประสบการณ์ กกต.เองก็อาจจะลำบากใจที่จะต้องเลือก ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ในตำแหน่ง กกต. คิดว่าคงได้ตามปกติ เพราะคำสั่ง คสช.ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่การไล่ออกหรือการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ

เมื่อถามว่าตั้งใจแสดงความเห็นเพื่อให้ คสช.มีคำสั่งปลด นายสมชัยชี้แจงว่า ตนไม่เคยเดินเกมอย่างนั้น ตนก็ทำงานของตนไป โดยคิดว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อบ้านเมือง ก็ทำอย่างนั้นไป ไม่เคยคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ถือว่าเป็นการทำงานตามหน้าที่ แม้แต่ใน กกต. แม้แต่บทบาท กกต. ก็ไม่เคยคิดไปเข้าข้างใคร ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตนก็แสดงเตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายครั้ง จนคนคิดว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่จริงๆไม่ใช่ ตนเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องก็จะให้ความเห็นในฐานะที่เราเป็น กกต. มีหน้าที่เห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องออกมาเตือนกัน ไม่คิดไปในเรื่องของการเล่นเกม เพราะไม่ใช่เด็กแล้ว จะไปเล่นเกมก็ไม่ทัน

ส่วนจะมีโอกาสไปเล่นการเมืองหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่าคงต้องประเมินตัวเอง ว่ามีประสบการณ์ในเรื่องอะไร มีความรู้อะไร และทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในโอกาสใดบ้าง ซึ่งการทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ คงไม่ใช่อาชีพนักการเมืองเพียงอาชีพเดียว ที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง แต่ยังมีอาชีพอื่นๆคงต้องดูไป จึงขอดูก่อนว่าจะมีอาชีพอะไรที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ซึ่งตอนนี้เป็นได้ทุกอาชัพยกเว้นกรรมการองค์กรอิสระ เพราะกฎหมายกำหนดเป็นได้แค่ครั้งเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน