บิ๊กตู่ถกด่วน”นบข.” ลุยจำนำ ยุ้งฉางล็อตสอง ทุ่ม 1.8 หมื่นล้าน หอมปทุมได้ตันละ 11,300 บาท ข้าวเจ้าได้ตันละ 10,500 บาท นำเข้าครม.เคาะวันนี้ เผาแล้วชาวนาพิจิตร ผวจ.ส่งหรีดร่วมอาลัย ปลัดอำเภอลั่นพร้อมช่วยเหลือหนี้ข้าว เพื่อไทยจี้ไก่อูขอโทษชาวนาผูกคอจวกหมอวรงค์ มโน-อคติ-ไม่รู้จริง

บิ๊กตู่ถกด่วน”นบข.”

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดย มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ. ฉัตรชัย สาริ กัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า เป็นการประชุมเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวนาที่ปลูกข้าวเจ้าและข้าวหอมปทุมให้เกิดความต่อเนื่อง เบื้องต้นจะใช้หลักการใกล้เคียงกับของเดิม

วางมาตรการช่วย”หอมปทุม”

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า ยืนยันรัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร ชาวนา ทุกอย่างที่เสนอมาได้รับฟังทุกคน ทั้งชาวนา โรงสีข้าว และผู้ประกอบการค้าข้าว ไม่ใช่ตนกำหนดเอง การแก้ปัญหาราคาข้าวจะต้องมีมาตรการรองรับที่เหมาะสม แต่จะทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย ไม่ให้กลไกตลาดเสียหาย นี่คือหลักการสำคัญ ล่าสุดรัฐบาลมีมาตรการให้สินเชื่อชะลอการระบายข้าวหอมมะลิ และกำลังดูเรื่องข้าวขาวและข้าวหอมปทุม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ขณะที่ข้าวชนิดอื่นก็เตรียมมาตรการรองรับเช่นกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า นี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายทาง และแก้กันแบบนี้มาตลอด กระทั่งเกษตรกรคุ้นเคย ทำให้วงจรการแก้ปัญหาทำได้ยาก เพราะรัฐบาลนี้มุ่งย้อนไปที่ต้นทาง ปรับเรื่องการใช้น้ำ การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสม ลดพื้นที่การปลูก ลดต้นทุนการผลิต รัฐบาลคิดและทำมาตลอด แต่ปัญหาคือประชาชนและสังคมสนใจ แต่การแก้ปัญหาปลายทาง จนลืมว่ารัฐบาลทำที่ต้นทางมีอะไรบ้าง ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันที่ต้นทาง สนใจแต่ปลายทาง มันแก้ไม่ได้ ไม่มีใครแก้ได้ และไม่มีใครสนใจจะแก้ด้วย วันหน้าก็จะเป็นแบบนี้

ชี้ยังมีอีกหลายอาชีพต้องดูแล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนกลางทางคือการผลิต รัฐบาลต้องดูแลด้วย เรื่องความเดือดร้อนพูดได้ ตนช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าช่วยแล้วต้องเดือดร้อนทั้งประเทศคงไม่ได้ เพราะจะทำให้เซ็ทเออเร่อ มีผลกระทบต่องบประมาณ ซึ่งยังมีอีกหลายอาชีพต้องไปดูแล ไม่ใช่ช่วยแต่ภาคการเกษตรอย่างเดียว การแก้ปัญหาสำคัญอยู่ที่ต้นทาง ซึ่งทุกมาตรการทำมาตลอด 3 ปี สื่อต้องช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจตรงนี้ หากจะทำแบบเดิม ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ไม่มีวันเข้มแข็ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า เราต้องใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการระเบิดจากภายใน คือต้นทางทำให้ดี ปลายทางมีทั้งตลาดในและต่างประเทศ และยังมีตลาดชุมชนที่สีข้าวขายกันเอง ถือเป็น เส้นทางเลือก ทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงให้ได้ จึงจะทำให้ราคาสูงขึ้น ผลิตข้าวที่มีคุณภาพและลดปริมาณการปลูกลงแต่ประชาชนอยู่ได้ ซึ่งรัฐบาลก็หาวิธีปลูกพืชเสริม ไม่ใช่ปลูกพืชเชิงเดียว อยากให้สื่อช่วย ถ้าติติงตลอดก็จะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

จะไปคุยโรงสีให้มาช่วย”รบ.”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้รัฐบาลจะไปเจรจากับโรงสี ขอให้มาร่วมมือกับรัฐบาล ดูแลทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพื่อให้สังคมทราบว่าเขาก็ทำประโยชน์ เราจะไปกันใครคงไม่ได้ เพราะจำนวนผลผลิตข้าว มีมหาศาล ถ้ามีอะไรผิดก็ให้บอกมา แต่ไม่ น่าผิด ตนคิดมา 3 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้เพราะ เจอปัญหาแบบนี้ วันนี้ต้องคิดใหม่ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะเป็นวงจรแบบเดิม

“ขอให้ช่วยรัฐบาล ผมจะไม่ไปโต้ตอบ กับใคร ใครจะทำอะไรก็ทำไป ถ้าทำดี ตั้งใจดี บริสุทธิ์มันก็เป็นกุศล รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังทำให้ใครเสียหายอยู่แล้ว เรื่องที่มีเหตุการณ์นี้โน้นเกิดขึ้น ขอให้พอได้แล้ว ผมจะไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เฉยๆ สังคม ประชาชนจะดูเอง ใครทำดีก็ต้องขอบคุณ ใครทำดีได้ดี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ไม่เกิน 5 ปีชาวไร่-ชาวนารวยขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องอื่นๆ ก็กำลังแก้ เดี๋ยวมีเรื่องข้าวโพดนำเข้า ขออย่า เพิ่งออกมาเรียกร้องอะไรมาก ตอนนี้รัฐบาลแก้อยู่ แก้สิ่งที่เกิดมา 20-30 ปีคงแก้ไม่ได้ภายในวันเดียว ต้องแก้ทั้งระบบทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รับรองไม่เกิน 5 ปี ชาวนาชาวไร่รวยขึ้นเยอะ ขอให้เข้าใจ ความตั้งใจของรัฐบาลและกระทรวง รวมถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงหมาดไทย และธ.ก.ส. ที่เขาพยายามทำกันอยู่ นอนตาไม่หลับกันมาหลายอาทิตย์แล้ว ไม่ใช่มีปัญหา และมาแก้ แต่คิดมาตลอดตั้งแต่วันแรก 22 พ.ค.57 ว่าทำอย่างไรชาวนาจะดีขึ้น ซึ่งต้องร่วมมือกันก็แค่นั้น

เมื่อถามว่าจะไปพบกับชาวนาด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีงาน ที่ต้องทำ แต่รมว.เกษตรฯลงไปดูแล้ว นายกฯต้องทำทุกอย่างเลยหรือ มีงานอีกเยอะ แต่ได้สั่งงานไปแล้ว

ทุ่มอีก 1.8 หมื่นล.รับจำนำยุ้ง

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมนบข. ว่า นบข.มีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเจ้า หรือข้าวขาว 5% และข้าวหอมปทุมธานี ซึ่งเป็นข้าวนาปีฤดูการผลิตปี 2559 /2560 (รอบที่1) โดยใช้วงเงินรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินงบประมาณ 9,000 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 9,000 ล้านบาท โดยจะนำเข้าที่ประชุมครม.เห็นชอบวันที่ 8 พ.ย.นี้ และสามารถดำเนินการได้ทันที ธ.ก.ส.จะเป็นผู้ดำเนินการโครงการดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวเจ้า 661,885 ครัวเรือน และการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวปทุมธานี 91,028 ครัวเรือน

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มาตรการสำหรับชาวนาผู้ปลูกข้าวเจ้า โดยชาวนาที่เข้าโครงการจำนำยุ้งฉางจะได้รับเงินตันละ 10,500 บาทต่อตัน แบ่งเป็นเงินที่ได้รับจาก ธ.ก.ส. 7,000 บาทต่อตัน ค่าขึ้นยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน และค่าช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ 2,000 บาทต่อตัน ไม่เกินรายละ 10 ไร่ ระยะเวลาไถ่ถอน 5 เดือน ส่วนชาวนา ที่ปลูกข้าวหอมปทุม โดยชาวนาที่เข้าโครงการจำนำยุ้งฉางจะได้รับเงินตันละ 11,300 บาทต่อตัน แบ่งเป็นเงินที่ได้รับจาก ธ.ก.ส. 7,800 บาทต่อตัน ค่าขึ้นยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน และค่าช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว และปรับปรุงคุณภาพ 2,000 บาทต่อตัน ไม่เกินรายละ 10 ไร่ ระยะเวลาไถ่ถอน 5 เดือน

ขอให้ดูที่รายได้ไม่ใช่ราคา

นางอภิรดีกล่าวว่า ส่วนกรณีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเจ้าและข้าวเปลือกที่ไม่มียุ้งจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ ไม่เกิน 10 ไร่ คิดเป็นตันละ 2,000 บาท โดย ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าสู่บัญชีของเกษตรกรโดยตรง ขอให้เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการเร่งไปขึ้นทะเบียนกับ ธ.ก.ส.เพื่อรับเงิน ดังกล่าว กรณีชาวนาไม่มียุ้งฉางซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง นบข.หารือกันว่ามติ นบข.ครั้งนี้ครอบคลุมถึงการเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของสหกรณ์ในชุมชนได้ด้วย เพื่อชะลอการขายข้าวในช่วงที่ราคายังคงตกต่ำ นอกจากนั้นต้องเริ่มฟื้นฟูระบบยุ้งฉางขึ้นมาใหม่เนื่องจากที่ผ่านมาโครงการรับจำนำข้าวเป็นการซื้อข้าวมากกว่าการจำนำซึ่งต้องมีการฟื้นกลไกส่วนนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งแก่เกษตรกร

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวเหนียว กระทรวงพาณิชย์กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ขอยืนยันว่าราคาข้าวเหนียวในขณะนี้ค่อนข้างสูง ณ วันที่ 4 พ.ย. ราคาข้าวเปลือกเหนียวความชื้น 15% อยู่ประมาณตันละ 11,700 – 14,000 บาท เชื่อว่าตัวเลขวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเจ้าหรือข้าวขาว 5% และข้าวเปลือกหอมปทุมธานีปี 2559/2560 น่าจะอยู่ในระดับที่เกษตรกรพอใจแล้ว โดยมาตรการที่ออกมาอยากให้พูดถึงเรื่องรายได้ของเกษตรกรมากกว่าเรื่องราคาข้าว เพราะมาตรการดังกล่าวมุ่งเน้นช่วยเหลือเรื่องรายได้ให้แก่เกษตรกรมากกว่า ราคาปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ให้สามารถเดินหน้าได้ ถ้าเอาราคามาเป็นตัวตั้งจะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ประเทศของเรา ท้ายที่สุดหากเกษตรกรไม่มาไถ่ถอนข้าวคืน ธ.ก.ส.ก็จะขายข้าวที่มีอยู่ออกไป ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่าจะสามารถขายข้าวได้แน่นอน ถ้าหากขายไม่ได้กระทรวงพาณิชย์ก็จะหาตลาดให้ โดยเชื่อมโยงกับผู้ส่งออก

ชาวนายื่นขอจำนำเท่าหอมมะลิ

ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานสภาเกษตรกรจ.ลพบุรี พร้อมตัวแทนสภาเกษตรกรภาคกลาง เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผ่านนายพันธ์ศักดิ์ เจริญ ผอ.ส่วนประสานมวลชน ศูนย์บริการการประชาชนฯ เพื่อเรียกร้อง ให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่ เดือดร้อนจากราคาข้าวตกต่ำในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง 31 จังหวัด เช่นเดียวกับโครงการช่วยเหลือโดยการจำนำยุ้งฉางข้าวเปลือกหอมมะลิเพื่อช่วยเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ

นายอุบลศักดิ์กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือชาวนาในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน โดยข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัดให้ใช้ราคามาตรฐานเดียวกันทุกทั่วประเทศ ส่วนข้าวเปลือกเจ้าและข้าวหอมปทุมธานี 1 ขอให้ใช้มาตรฐานเดียวกับการข้าวหอมมะลิที่ไม่มียุ้งฉางที่เข้าร่วมในโครงการของรัฐบาล ในราคาตันละ 9,000 บาท ขณะที่เกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางและไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขายในราคาตลาดและ ยังไม่ได้ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ตันละ 2,000 บาท (ไร่ละ 800 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่) และให้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ลดพื้นที่ทำนาปรัง ไร่ละ 4,000 บาท รายละ 10 ไร่ และขอให้สั่งการหน่วยงานภาครัฐ รับซื้อข้าวสารจากชาวนาโดยตรง เพื่อลดปริมาณข้าวสู่ตลาดได้ส่วนหนึ่ง

บ่นช่วยเหลือแต่”ขรก.”

นายวิเชียร พวงลำเจียก อดีตนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวถึงมติ นบข. ต่อการช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าวขาว 5% และข้าวเปลือกปทุมธานีปี 2559/60 ที่เตรียมเสนอครม. ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าพอใจระดับหนึ่งที่รัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือชาวนา แต่อยากสะท้อนไปยังรัฐบาลว่า ยังมีชาวนาบางส่วนที่ได้เก็บเกี่ยวข้าวไปก่อนที่รัฐบาลจะออกมาตรการออกมา ซึ่งขายข้าวได้เพียง 5,000-6,000 บาทต่อตันเท่านั้น เมื่อหักลบกับต้นทุนการผลิตที่ใช้ประมาณ 5,000-6,000 บาท ต่อไร่ ยังขาดทุนด้วยซ้ำ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือชาวนาในส่วนนี้บ้าง รวมทั้งชาวนาส่วนใหญ่ก็ประสบภาวะหนี้สินจำนวนมาก จากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้ามาอย่างต่อเนื่องในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้งฝนแล้ง น้ำไม่มีในการเพาะปลูกพืชผล เสียหาย แถมยังได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ รัฐบาลจึงควรพิจารณาช่วยเหลือหนี้สินของชาวนาด้วย

“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้การใช้ชีวิตของชาวนาประสบกับความยากลำบากอย่างมาก ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พืชผลได้รับความเสียหาย ทำนามีแต่ขาดทุน แถมหนี้สินชาวนาพุ่งขึ้น เพราะรัฐบาลไม่เคยเหลียวแลและสนใจชาวนาเลย สนใจแต่ช่วยเหลือข้าราชการทุกระดับ ตั้งแต่ระดับล่างถึงสูง ขึ้นเงินเดือนอย่างต่อเนื่องทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ไปถึงข้าราชการระดับสูง จึงอยากถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ เคยมาใช้ชีวิตและเห็นความยากลำบากแบบชาวนาหรือไม่ เมื่อไรจะคิดที่จะช่วยเหลือชาวนาเสียที หากคิดไม่ออกอยากให้ดูตัวอย่างการพัฒนาและช่วยเหลือชาวนาในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งเรา รวมทั้งประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ที่ชาวนาล้วนมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งสิ้น”

มท.ช่วยชาวนาขายข้าว

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดโครงการ กรมท้องถิ่นขายข้าวช่วยชาวนา เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรชาวนาฝ่าวิกฤตราคาข้าว โดยนำข้าวสารจากกลุ่มชาวนาในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ หมุนเวียนมาวางจำหน่ายในราคาเป็นกันเอง ถุงละ 3.5 ก.ก. ราคา 100 บาท ซึ่งเป็นราคาต้นทุนที่รับมาจากชาวนา โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการวางจำหน่าย โดยกรมจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าบรรทุกข้าวสารมาจากพื้นที่นั้นๆ โดยจำหน่ายวันแรกเป็นข้าวสารจาก สถจ.สุรินทร์ นำมาวางจำหน่าย 1,500 ถุง หรือประมาณ 5.5 ตัน

ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จัดกิจกรรมขายข้าวว่า ตนมองว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีความจริงใจ ไม่มีความตั้งใจช่วยเหลือชาวนา ข้าวที่นำมาขายก็ซื้อมาจากโรงสีขนาดใหญ่ การขายก.ก.ละ 20 บาท ขณะที่ชาวนาขายก.ก.ละ 32-35 บาท เป็นการทุบราคาขายแบบนี้เท่ากับซ้ำเติมชาวนา

“ผมอยากบอกถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์จริงใจบริสุทธิ์ใจแก้ปัญหา น่าจะทำให้ภาพรวมปัญหาข้าวได้รับการแก้ไข วันนี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มีโครงการจำนำยุ้งฉาง ตันละ 9,500 บาท ราคาจำนำต่ำกว่าท้องตลาด ผมมองว่ารัฐบาลทำถูกทางก็ควรปล่อยให้รัฐบาลทำควบคู่กับการส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวเอง เก็บเอง สีเอง กินเอง ขายข้าวสารเอง ทำให้ชาวนามีรายได้ที่แน่ชัด ชาวนาจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ” นพ.วรงค์กล่าว

“ยรรยง”แจงข้อมูลสวนหมอวรงค์

นายยรรยง พวงราช อดีตรมช.พาณิชย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า ตามที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกไปเยี่ยมชาวนาอีสานและรับซื้อข้าวจากชาวนาไปช่วยขาย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากคนทั่วไปที่เห็นใจชาวนา แต่ปรากฏว่านพ.วรงค์ออกมาโจมตีว่าการช่วยเหลือชาวนาดังกล่าว เป็นขบวนการทุบราคาข้าวเพราะขายราคาตํ่ากว่าราคาข้าวที่ขายในตลาด จึงขอให้ข้อมูลและความเห็นเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้

1.ราคาขายข้าวหอมมะลิ ก.ก.ละ 20 บาท เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาขายส่งข้าวสารหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 2 และที่ขายถูกกว่าทั่วไปเพราะรับซื้อจากชาวนาโดยตรง จึงไม่ต้องเสียค่าการผลิตและค่าการตลาด เพราะขายโดยไม่ผ่านคนกลางและไม่ได้ขายเพื่อแสวงหากำไร จึงลดค่าใช้จ่ายได้มาก จึงไม่ใช่การทุบราคาข้าว

ตอก”มโน-อคติ-ไม่รู้จริง”

2.อดีตนายกฯมุ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนา และเพิ่มอำนาจต่อรองให้ชาวนาให้มีทางเลือกมากขึ้น เช่น การขายตรงหรือการรับซื้อตรงจากชาวนา และจะไม่มีผลถล่มราคาหรือกดราคาข้าวให้ตกตํ่าตามที่นพ.วรงค์มโนและกำลังสร้างภาพบิดเบือนเจตนาบริสุทธิ์ที่จะช่วยเหลือชาวนา เพราะการซื้อขายข้าวร้อยตัน พันตันหรือหมื่นตันจะไม่มีผลรกดราคาหรือถล่มราคาข้าวได้เพราะผลผลิตข้าวในฤดูนี้เกือบ 30 ล้านตัน หากแต่การช่วยรับซื้อข้าวมาขายในลักษณะนี้จะมีผลดีคือป้องกันไม่ให้ชาวนาถูกกดราคาลงได้อีกเพราะชาวนามีทางเลือกเพิ่มขึ้น

3.นพ.วรงค์ แสดงถึงอคติที่รุนแรงและน่าจะขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกตลาดข้าวอย่างแท้จริง เห็นได้จากนพ.วรงค์พยายามสร้างภาพว่าโรงสีและนักการเมืองวางแผนร่วมกันกดราคาข้าว จนสมาคมโรงสีข้าวไทยทนไม่ได้และชี้แจงตอบโต้ มีนักวิชาการออกมาให้ข้อมูลที่ตรงข้ามกับนพ.วรงค์ โดยชี้ให้เห็นว่าราคาข้าวไทยถูกกำหนดโดยราคาข้าวในตลาดโลก ซึ่งมีผู้ส่งออกและผู้นำเข้าข้าวในต่างประเทศเป็นผู้มีบทบาทอย่างแท้จริง

วัฒนายกพุทธภาษิตโต้

นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า การที่อดีตนายกฯขายข้าวสารเพียง 10 ตัน ไม่ได้มีผลต่อราคาข้าวอย่างที่พยายามบิดเบือน แทนที่รัฐบาลจะระดมสติปัญญาและสรรพกำลังเพื่อแก้ปัญหาของชาวนา เรากลับเห็นบุคคลในรัฐบาลตั้งแต่ผู้นำจนถึงบริวาร ดาหน้ากันกระแหนะกระแหนอดีตนายกฯ ที่ออกไปให้กำลังใจและช่วยเหลือชาวนา ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลนี้ยังปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน โดยอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยถูกทหารเชิญตัวเพื่อปรับทัศนคติ กรณีโพสต์เฟซบุ๊กว่าราคาข้าวเปลือกตกต่ำทั้งที่เป็นความจริง ขณะที่โทรทัศน์ช่อง 24TV ถูก กสท. เตรียมพักการออกอากาศ หลังนำเสนอประเด็นโครงการจำนำข้าว ถือว่าปิดหูปิดตาประชาชน

นายวัฒนา ระบุว่า การที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี แต่รัฐบาลไม่ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือ กระทั่งข้าวออกสู่ตลาดแล้วจึงเพิ่งออกมาตรการแบบเสียไม่ได้และไม่ทั่วถึง ได้สร้างทุกข์ใหญ่หลวงให้กับชาวนา หลายฝ่ายรวมถึงกองทัพได้แสดงน้ำใจ ใส่เครื่องแบบไปช่วยชาวนาเกี่ยวข้าวและช่วยซื้อตามกำลัง แต่ไม่ได้ยินคำพูดเชิงกระแหนะกระแหนจากอดีตนายกฯหญิงและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ครั้นพอน.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงน้ำใจไปเยี่ยมและช่วยเหลือชาวนาตามกำลังความสามารถกลับถูกตำหนิว่าสร้างภาพ พุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า พาโล อปริณายโก ยังคงทันสมัยและใช้ได้เสมอ

พท.แนะไก่อูขอโทษชาวนา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณและชื่นชมประชาชนและทุกหน่วยงานที่ออกมาช่วยชาวนาฝ่าวิกฤตว่า คนไทยคงสบายใจขึ้นในท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอาจเพิ่งคิดได้หลังจากปล่อย พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาเหน็บแนมเรื่องการช่วยเหลือชาวนา ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้รัฐบาลควรยุติปฏิบัติการไอโอหรือปฏิบัติการจิตวิทยาได้แล้ว แม้แต่การยัดเยียดให้ชาวนาที่ผูกคอตายที่ จ.พิจิตรว่าเป็นช่างแอร์ พล.ท.สรรเสริญ ต้องกล้าออกมากล่าวขอโทษครอบครัวและ ผู้เกี่ยวข้อง เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แก้เกี้ยวว่าไม่อยากตอบโต้ แท้จริง คือไปต่อไม่ได้ ไปไม่เป็นมากกว่า

“คนเป็นโฆษกรัฐบาล เป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อย่าด่วนสรุปอะไรที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ตั้งแต่ผังล้มเจ้า ระเบิดราชประสงค์ ที่ควันระเบิดยังไม่ทันจางก็รีบสรุปเป็นเพราะฝ่ายการเมืองที่เสียประโยชน์ จนมาถึงยัดเยียดให้ชาวนาที่ผูกคอตายเป็นช่างแอร์ เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ว่า การทำปฏิบัติการไอโอโดยไม่ดูข้อมูล ไม่เป็นผลดี เมื่อไม่ยอมตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนพูด ก็เป็นภาพลบต่อรัฐบาล กลายเป็นรัฐบาลที่ขาดความน่าเชื่อถือ” นายอนุสรณ์กล่าว

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ส่วนที่นพ.วรงค์ ระบุน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถล่มราคาข้าว ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณาว่า เข้าข่ายหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ ขอย้ำว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ มุ่งเน้นช่วยเหลือชาวนาอย่างสร้างสรรค์ ด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่าที่กำลังจะทำได้ ไม่มีการนำทุกข์ร้อนชาวนามาหาประโยชน์หรือเล่นการเมืองโดยเด็ดขาด

เผาแล้วชาวนาผูกคอ-ผวจ.ส่งหรีด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.พิจิตรว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ที่วัดวังสำโรง อ.บางมูลนาก มีพิธีฌาปณกิจนายศุภกิจ ปั้นแปลก ชาวนาที่ผูกคอตายเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านหมู่ที่ 3 ต.วังสำโรง และเกษตรกรชาวนาในหลายพื้นที่ของ จ.พิจิตร เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.พิจิตร ได้มอบหมายให้นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ปลัดจังหวัดพิจิตร นำพวงหรีดมามอบให้ด้วย

นายพยนต์กล่าวว่า วันนี้ได้รับคำสั่งจาก ผวจ.พิจิตร ให้นำพวงหรีดมามอบให้กับครอบครัวของนายศุภกิจ เพื่อเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้าย ส่วนด้านการช่วยเหลือครอบครัวของนายศุภกิจนั้น ทางจังหวัดจะประสานไปยังสหกรณ์การเกษตรกร เพื่อดูแนวทางการช่วยเหลือ ว่าเราจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร ซึ่งตรงนี้ต้องไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับการลดหนี้สิน เท่าที่ทราบในเวลานี้คือ ครอบครัวคนตายนั้นเป็นหนี้เยอะมากในการกู้เงินมาทำนา ส่วนเรื่องการเกี่ยวข้าวในนาของนายศุภกิจ ที่จะต้องเก็บเกี่ยวในวันที่ 15-16 พ.ย.นี้ นั้น หากไม่มีรถเกี่ยวข้าว ก็จะประสานให้ทหารเข้ามาร่วมกันช่วยเก็บเกี่ยวข้าวด้วย

ชี้ข้าวราคาตกทำเครียดกันหมด

นายพิน ทองประจักษ์ อายุ 75 ปี เกษตรกรชาวนาตำบลหอไกร อ.บางมูลนาก กล่าวว่า รู้จักกับนายศุภกิจมานาน เท่าที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว นายศุภกิจเป็นคนขยัน เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว รู้จักทำมาหากิน ไม่เกเร ไม่ใช่คนลักเล็กขโมยน้อย หรือเล่นการพนัน เป็นชาวนามา มาวันนี้ก็ตั้งใจมาเผาศพของคนตายโดยตรงเลย สาเหตุการตายคงเครียดเรื่องหนี้สิน พอมารู้ว่าราคาข้าวตกต่ำมันก็ต้องเครียด เพราะกู้มาทำนาก็เยอะ พอข้าวตั้งท้อง พวกเราชาวนาต่างดีใจกันทั้งนั้น เพราะปีนี้ ข้าวออกเม็ดเต็มรวง แต่พอมาทราบราคาข้าวตก ชาวนาทุกคนที่ปลูกข้าวก็พากันเหี่ยวเฉา

นายพินกล่าวอีกว่า กว่ารัฐบาลจะมาตั้งราคาเพื่อช่วยเหลือชาวนา ชาวนาก็ขายข้าวไปหมดแล้ว มาตั้งราคาตอนเกี่ยวไปแล้ว มาตั้งราคาให้กับโรงสีหรือไง หากรัฐบาลใส่ใจเรื่องราคาข้าว ก็น่าจะแจ้งราคาข้าวมาตั้งแต่กลางเดือนต.ค.แล้ว มาบอกราคาข้าวตอนข้าวตั้งท้องใกล้เก็บเกี่ยว ชาวนารู้ก็เครียด การจะช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเรื่องราคาข้าวนั้นต้องวางแผนตั้งแต่เดือนต.ค.ไม่ใช่มาทำตอนนี้

มทบ.36 รับซื้อข้าวตันละ 1.7หมื่น

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.พิจิตร เปิดเผยว่า ได้สั่งให้นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอและอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำ หมู่บ้านชุมชน ให้ออกไปทำความเข้าใจ กับเกษตรกรชาวนา ในเรื่องของมาตรการความช่วยเหลือของรัฐบาล ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก อีกทั้งชาวนาเองไม่ได้ติดตามข่าวสาร ดังนั้นเร่งออกทำความเข้าใจกับชาวนาให้ทราบ

ที่จ.พิจิตร พล.ต.สุพจน์ บูรณจารี ผบ.มทบ. 36 สั่งการให้จัดกำลังพล ซื้อข้าวสารจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังแดงเหนือ หมู่ที่ 12 ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร จำนวน 6 ตันต่อ 1 เดือน ในราคาตันละ 17,000 บาท เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรชาวนา ซึ่งรวมกลุ่มกันปลูกข้าวและนำข้าวเปลือกเจ้าที่เก็บเกี่ยว นำมาสีแปรสภาพเป็นข้าวสารที่โรงสีชุมชนในหมู่บ้าน เพื่อจัดจำหน่ายเองแทนการนำข้าวเปลือกไปขายให้กับโรงสี ท่าข้าว เนื่องจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โรงสีบางแห่งไม่รับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกรชาวนา ขณะที่บางแห่งที่รับซื้อ แต่ข้าวที่เก็บเกี่ยวมามีความชื้นสูง ทำให้ขายแล้วไม่ได้ราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการทำนาปลูกข้าว

มีชัยชี้ 9 พย.ต้องทูลเกล้าฯรธน.

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ขณะนี้พ.ร.บ. กกต.คืบหน้าไปกว่าครึ่ง ผ่านไปแล้ว 20-30 มาตรา ถ้าเลยกลางเดือนพ.ย.ไปแล้วยังไม่คืบหน้าก็ต้องเพิ่มวันพิจารณา หรืออาจเพิ่มเวลาประชุมในช่วงค่ำแต่ละวัน เนื่องจากแต่ละเรื่องต้องนั่งคุยกันนาน เรากำลังคิดหาวิธีให้เกิด ผลจริงจัง สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ส่วนพ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้น ขณะนี้สาระสำคัญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือบทลงโทษ กับบทเฉพาะกาลเท่านั้น

เมื่อถามว่ากรอบเวลาการร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ถือว่าเริ่มนับหนึ่งหรือยัง นายมีชัยกล่าวว่า ยังไม่นับ ถือว่าเราได้กำไร จะได้ไม่ลุกลี้ลุกลนจนเกินไป

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ จะนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ 9 พ.ย. ตามกรอบเวลาเดิมหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เป็นกรอบเดิม เพราะเราส่งร่างรัฐธรรมนูญไปให้รัฐบาลเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ดังนั้นวันที่ 9 พ.ย. เป็นวันสุดท้าย ที่นายกฯ จะต้องทูลเกล้าฯ คิดว่าพิจารณาเสร็จแล้ว รู้สึกว่าเขาเขียนเสร็จแล้ว ส่วนรัฐธรรมนูญจะประกาศใช้เมื่อใดยังบอกไม่ได้ เพราะมีขั้นตอนลงพระปรมาภิไธย มีเงื่อนเวลา 90 วัน กำหนดตามรัฐธรรมนูญนับจากวันที่รัฐบาลทูลเกล้าฯ ขึ้นไป คิดว่าคงไม่เกินเวลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน