เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 1 เม.ย.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคและแถลงแนวทางของพรรคว่า ตนทำตามเจตนารมณ์ จากการยืนยันสมาชิกพรรคควรจะรู้ว่า แนวคิดเป็นอย่างไร ซึ่งในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ก็ระบุไว้ สำหรับแนวทางของพรรคฯในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่มีเรื่องของนายกฯคนนอกนั้น หัวใจสำคัญต้องการให้บ้านเมืองเดินไปทางไหน สิ่งที่ตนแถลงนโยบายไปว่า ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ต้องการนำพาบ้านเมืองไปทางไหน เป็นสิ่งที่พรรคฯไปขอความสนับสนุนจากสมาชิกและประชาชน ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่งวันนี้ประชาธิปัตย์ต้องการจะเป็นหลักในการเดินหน้าทำงาน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การยืนยันเป็นสมาชิกพรรคของสมาชิกที่เป็นกปปส. ว่า ยืนยันว่านอกจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ที่ลาออกไป และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฏร์ฯ ที่แสดงเจตนาว่าจะเป็นผู้ไปจดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ ก็ยังไม่มีอดีตส.ส.ท่านอื่น มาบอกว่าจะไม่มาร่วมงานกับเรา และเท่าที่ตนสังเกตวันนี้มีหลายท่านมายืนยันสมาชิกพรรคแล้ว บางท่านที่มายืนยันไม่ได้เนื่องจากไปบวช แล้วพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องรอสมัครสมาชิกพรรคใหม่ อย่างไรก็ตาม

“หากสมาชิกพรรคส่วนหนึ่งจะไปอยู่กับกปปส.คงไม่มี ยืนยันว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีพรรคอื่นรองรับเยอะแยะ ถ้าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรค ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใครก็ตาม ทั้งนี้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนทหารเป็นรัฐบาลนั้น ต้องไปดูว่า ทหารเข้ามาได้อย่างไร และมีกี่เสียง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการยืนยันว่าจากสมาชิกของพรรคที่มีอยู่เดิมกว่า 2.5 ล้านคน จะเหลือเพียงแค่แสนคน จะเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราพยายามให้ได้สมาชิกมากที่สุด ซึ่งทุกคนทราบดีว่า การออกกฎหมายเช่นนี้ ระยะเวลาการให้ความชัดเจนในบางเรื่องนั้นมีอุปสรรคอะไรบ้าง หากวันหนึ่งบ้านเมืองถึงวิกฤติและจำเป็นต้องให้ทหารอยู่ในอำนาจต่อจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องบอกว่าการจะเดินหน้าที่จะไม่ให้เกิดความขัดแย้ง คือ การที่ทุกคนต้องรักษาคำพูดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ถ้ามีการทำอะไรที่ประชาชนมองว่า มีการบิดพริ้ว หรือไม่เป็นไปตามสิ่งที่บอกกับประชาชน ก็จะเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้ง จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน