ดนุพร เปิด 6 พันธนาการขังไทยไว้พร้อมวิธีปลดล็อก โต้ ‘จุรินทร์’ เป็ดง่อยเกิดตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ชี้ ‘เศรษฐา’ พยายามรักษาให้เดินไปได้ ยันประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ แต่ระวังพรรคถูกยุบจะเจ๊งของจริง
วันที่ 19 มิ.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เป็นวันแรก
เวลา 12.15 น. นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหา ซึ่งขอแบ่งเป็น 6 พันธนาการที่เป็นกับดักขังประเทศไทยไว้ ได้แก่ 1.การแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งจีดีพีปีที่แล้วโตเพียงแค่ 1.9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
ตนเห็นด้วยกับที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่าประเทศไทยเป็นเป็ดง่อย ซึ่งเกิดตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่วันนี้รัฐบาลที่นำโดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พยายามจัดงบเพื่อรักษาเป็ดง่อยตัวนี้ให้สามารถลุกขึ้นเดินได้ และไม่ใช่เป็ดขี้เหร่ ถ้าเศรษฐกิจดี เชื่อว่าจะสามารถศัลยกรรมและทำให้เป็ดไม่ขี้เหร่อีกต่อไปได้
2.สังคมไร้ทางถอย เพราะที่ผ่านมาไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบที่รัฐบาลต้องคอยดูแลประชาชนในเรื่องปัจจัย 4 ของชีวิตเพื่อให้ประชาชนได้รับสวัสดิการที่ดีและเพียงพอต่อการดำรงชีพ 3.ไทยไม่พร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง
4.กับดักความกลัวในอดีต ที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจและถือเป็นเรื่องความมั่นใจของนักลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชน 5.ที่ผ่านมามีการเน้นการแก้ปัญหาแค่เพียงเฉพาะหน้าอย่างเดียว ไม่ได้เน้นการบูรณาการทุกภาคส่วนในระยะยาว และ 6.ความมั่นคงของชีวิตมนุษย์ยังคงทรุดโทรม
การจะปลดล็อก 6 พันธนาการดังกล่าว มีดังนี้ การแก้ไขเรื่องการแข่งขันด้านตลาดคือ จะแก้ไขผ่านนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ พยายามผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ในอนาคต
ขณะที่การแก้ไขการไม่มีเครือข่ายรองรับทางสังคม รัฐบาลนี้เห็นตรงกันคือเราจะมุ่งเน้นการจัดสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยรัฐบาลมีการจัดสรรงบปี 68 เพื่อทำพัฒนาระบบสาธารณสุขยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 235,842 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการลดหนี้และพักหนี้เกษตร
สำหรับการแก้ปัญหาด้านการไม่พร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง คือเราจะต้องเตรียมประเทศให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เช่น เพิ่มทักษะด้านแรงงานติดอาวุธให้ประชาชน ส่วนเรื่องการติดกับดักความกลัวในอดีตจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองในอดีต เราจะต้องทำอะไรใหม่ๆ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและกระตุ้นจีดีพี ขณะที่มุมมองที่คับแคบ ทำให้เรามองไม่เห็นองค์รวมนั้น
เราจะผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่ออัดฉีดเงินเข้าตลาดให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนานใหญ่ สำหรับการปลดล็อกเรื่องความมั่นคงในชีวิตประชาชนที่ทรุดโทรมนั้น เราจะบูรณาการป้องกันปราบปรามยาเสพติด แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปราบบัญชีม้า โดยงบประมาณปี 2568 มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
“ขอให้สบายใจเรื่องการจัดสรรงบฯ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์รักษาระเบียบวินัยการเงินการคลัง รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณอย่างระมัดระวัง และวลีที่ฝ่ายค้านบอกว่าจัดงบประมาณปี 68 แบบเจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ จึงไม่เป็นความจริง ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ รัฐบาลอาจยุบสภา นายกฯ อาจลาออก แต่ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้” นายดนุพร กล่าว
นายดนุพร กล่าวว่า ตนไปดูความหมายของคำว่า เจ๊ง ฉบับพจนานุกรมราชบัณฑิตยสภาสถาน หมายความว่า การเลิกกิจการแบบหมดทุน แต่ประเทศไทยไม่มีหมดทุน ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ ประเทศไทยต้องเดินต่อ แม้จะยุบสภาแล้วแต่นายกฯ ยังต้องอยู่รักษาการ
นอกจากนี้คำว่าเจ๊งยังหมายถึงสิ้นสุด หากนึกไม่ออก ตนยกตัวอย่างง่ายๆ คือถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค นี่แหละคือสิ้นสุดหรือเจ๊งของจริง ขอให้ทุกคนมาช่วยกันสร้างประเทศไทยให้เป็นเสือตัวที่ 5 ของโลกอย่างสง่างาม